ฝุ่น-เครื่องสำอาง-น้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ สาเหตุ "ภูมิแพ้ขึ้นตา"
หากมีอาการคันตา เคืองตา แสบตา น้ำตาไหล ขี้ตาเหนียว เยื่อบุตาแดง ควรรีบพบจักษุแพทย์ เพราะอาจเกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นตาได้
ภูมิแพ้ขึ้นตา คืออะไร?
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ภูมิแพ้ขึ้นตา เป็นโรคที่ก่อให้เกิดความรำคาญระคายเคืองและเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อของดวงตาอันนำไปสู่การเกิดโรคตาอื่นๆ ตามมา ยิ่งในสภาวะปัจจุบันสภาพอากาศเต็มไปด้วยหมอกควันและฝุ่นที่มากขึ้น ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นตาได้มาก พบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
อันตรายของอาการภูมิแพ้ขึ้นตา
ปัญหาโรคภูมิแพ้ทางตาอาจไม่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อการมองเห็น แต่มักเป็นปัญหาเรื้อรัง และเกิดผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ทั้งนี้หากมีอาการคันตา เคืองตา แสบตา น้ำตาไหล ขี้ตาเหนียว เยื่อบุตาแดง เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา ผิวหนังเปลือกตาอักเสบ ควรพบจักษุแพทย์ทันที
ภูมิแพ้ขึ้นตา มีสาเหตุจากอะไร?
แพทย์หญิงสายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มเติมว่าโรคภูมิแพ้ขึ้นตาเกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่แพ้ โดยการอักเสบจะเกิดที่บริเวณเยื่อบุตาขาวเป็นหลัก สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่
- อาการภูมิแพ้ที่เกิดตามฤดูกาล
- ละอองเกสรดอกไม้ ดอกหญ้า
- ไรฝุ่น
- อาหาร
- สารเคมี
- ขนสัตว์
- เครื่องสำอาง
- ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นระยะเวลานาน หรือทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ไม่ถูกต้อง หรืออาจแพ้สารเคมีในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์
การรักษาผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ขึ้นตา
ผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ขึ้นตา ต้องได้รับการรักษาแบบองค์รวม ดังนี้
- ใช้ยาหยอดตาที่แพทย์สั่งให้ และอาจมียารับประทานร่วมด้วย
- ค้นหาสารภูมิแพ้ และปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม จะช่วยทำให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เช่น ฝุ่นหรือละอองเกสรดอกไม้
- ควรใส่แว่นกันลมที่ปิดด้านหน้า และด้านข้าง เพื่อป้องกันดวงตาไม่ให้โดนสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้เกิดอาการแพ้
- ล้างมือ อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อกลับเข้าที่พัก
- ไม่ใช้พรมในบ้าน เพราะพรมจะกักเก็บฝุ่นไว้ในปริมาณมาก
- ควรเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีขน เช่น แมว สุนัข
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตา เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงมากขึ้น