เด็กเล็ก “พูดไม่ชัด” เมื่อไร อย่างไร ถึงควรปรึกษาแพทย์
กรมการแพทย์โดยสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ให้การฟื้นฟูเด็กที่พูดไม่ชัด มีความผิดปกติของการเปล่งเสียงพูด ฝึกฝนให้ออกเสียงที่ถูกต้องจนสนทนาในชีวิตประจำวันได้
สาเหตุที่ทำให้เด็กพูดไม่ชัด
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เด็กเป็นวัยที่มีการเรียนรู้และมีพัฒนาการในการพูด การออกเสียงเป็นไปตามช่วงอายุ แต่อาจพบได้ว่าเด็กบางคนเมื่อถึงวัยที่เหมาะสมกลับพูดไม่ชัด ซึ่งเป็นความผิดปกติของการเปล่งเสียงพูดทั้งเสียงสระ พยัญชนะ และเสียงวรรณยุกต์ โดยสาเหตุเกิดจาก
- ความบกพร่องของอวัยวะในช่องปากและใบหน้า เช่น เอ็นยึดใต้ลิ้นสั้น ปากแหว่ง เพดานโหว่
- ความบกพร่องในการทำงานของอวัยวะที่ใช้ในการพูด
- ความบกพร่องของระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว จะมีปัญหากล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูด เช่น ลิ้น ริมฝีปาก ฯลฯ อ่อนแรง
- ภาวะสมองพิการ พบได้ในเด็กสมองพิการซึ่งมีปัญหาการเคลื่อนไหวร่างกาย จึงส่งผลต่อกลไกการเคลื่อนไหวอวัยวะที่ใช้ในการพูด
- ความบกพร่องทางการได้ยิน เด็กที่มีปัญหาการได้ยินเสียงจะทำให้พูดออกเสียงไม่ชัดด้วย
- การเรียนรู้การพูดที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น เด็กเลียนแบบคนใกล้ชิดที่พูดไม่ชัดจนติดเป็นนิสัย
- ภาวะความบกพร่องอื่นๆ เช่น เด็กที่มีภาวะปัญญาอ่อน เด็กกลุ่มออทิสติก เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เป็นต้น
แบบไหนที่เรียกว่า “พูดไม่ชัด” แบบผิดปกติ
นายแพทย์สาธิต สันตดุสิต ผู้อำนวยการสถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามปกติแล้วพัฒนาการในเด็ก อายุ 2-4 ขวบ จะยังพูดไม่ชัดทุกเสียง ถ้า 4 ขวบขึ้นไปแล้วพูดไม่ชัดในเสียงที่ควรจะพูดได้ เช่น เสียงพยัญชนะ ม, น, ห, อ, ค, ย เป็นต้น ผู้ปกครองควรจะพาเด็กมาพบนักแก้ไขการพูด
ทั้งนี้สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ โดยงานแก้ไขการพูด กลุ่มภารกิจวิชาการและการแพทย์ เป็นหน่วยงานที่ให้การฟื้นฟูผู้ป่วยที่มาฝึกพูด เมื่อเด็กเข้ารับการรักษาปัญหาการพูดไม่ชัด ขั้นแรกนักแก้ไขการพูดจะประเมินสาเหตุของการพูดไม่ชัด จากนั้นจะทำการประเมินเสียงที่พูดไม่ชัดว่าไม่ชัดเสียงอะไรบ้าง และมีลักษณะอย่างไร โดยเริ่มจากการฝึกฟังเปรียบเทียบเสียงที่พูดไม่ชัดกับเสียงที่ถูกต้อง เพื่อดูว่าเด็กสามารถฟังออกว่าตัวเองพูดไม่ชัดหรือไม่ และสอนให้รู้จักตำแหน่งการวางปากและลิ้นในการออกเสียงและลักษณะการเปล่งเสียงที่ถูกต้อง ตลอดจนฝึกให้ออกเสียงที่ถูกต้องตั้งแต่ระดับหน่วยเสียง แล้วเพิ่มเป็น คำ วลี ประโยค จนพูดสนทนาในชีวิตประจำวันได้ในสถานการณ์ต่างๆ
อย่างไรก็ตามหากพบว่าบุตรหลานพูดไม่ชัดมีข้อควรปฏิบัติดังนี้ เป็นแบบอย่างการพูดที่ถูกต้องและชัดเจนให้แก่เด็ก ไม่ล้อเลียน หรือพูดตามอย่างเด็ก เตือนเด็กเมื่อพูดไม่ชัด ถ้าแก้ไขได้ให้พูดใหม่ช้าๆ แต่ไม่ต้องเตือนทุกครั้งหรือบังคับมากเกินไปจนทำให้เด็กเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อตนเองและไม่อยากที่จะพูดอีกเพราะกลัวพูดผิด ผู้ปกครองควรพาเด็กมาฝึกตามนัดและกระตุ้นให้เด็กฝึกพูดตามแบบฝึกหัดที่นักแก้ไขการพูดแนะนำอย่างสม่ำเสมอ