จริงหรือไม่? ไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เสี่ยงมะเร็งปากมดลูก
เคยเห็นบทความที่แชร์ต่อๆ กันในโลกอินเตอร์เน็ตกันบ้างไหมคะว่า ในช่วงที่ผู้หญิงเรากำลังมีประจำเดือน หากเราไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เลือดเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกได้
อย่างไรก็ตาม ข้อความดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ ไปหาคำตอบจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา กันค่ะ
มะเร็งปากมดลูก เกิดจากอะไร?
สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกนั้น คือการติดเชื้อ HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมาจากเพศสัมพันธ์ ผ่านการสัมผัสผิว หรือเยื่อบุของอวัยวะเพศ หรือการที่ปากมดลูกมีรอยถลอก หรือแผลที่ทำให้เชื้อเข้าไปได้
ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV ที่ก่อโรคมะเร็งปากมดลูก
นอกจากการติดเชื้อ HPV แล้ว ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่
- อายุ มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
- มีคู่นอนตั้งแต่อายุน้อยๆ หรือหลายคน ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อเอชพีวีมากขึ้น
- สูบบุหรี่จัด ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง ซึ่งรวมทั้งบริเวณปากมดลูกด้วย
- มีบุตรจำนวนมาก
- ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์)
- ไม่เคยตรวจภายใน
วิธีป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก
สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ตามสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลต่างๆ แม้จะป้องกันได้ไม่ 100 % แต่ก็เป็นหนทางหนึ่งที่ดีสำหรับการป้องกันในขณะนี้
ดังนั้นสรุปได้ว่า การไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกเลย เพียงแต่การใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดียวซ้ำไปทั้งวัน ก็อาจทำให้เกิดการอับชื้น ไม่สะอาดเท่าที่ควร ดังนั้นเราจึงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 4-6 ชั่วโมง หรือตามปริมาณประจำเดือนที่มี ในวันมามากอาจจะเปลี่ยนบ่อยกว่าวันที่กำลังจะหมด ทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นให้ดีอยู่เสมอ และใครที่ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ควรตัดเล็บให้สั้น ตะไบเล็บไม่ให้คม เพื่อหลีกเลี่ยงรอยขีดข่วนที่จุดซ่อนเร้นขณะใส่ และไม่ควรใส่ขณะนอนหลับ