จริงหรือไม่? ไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เสี่ยงมะเร็งปากมดลูก

จริงหรือไม่? ไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เสี่ยงมะเร็งปากมดลูก

จริงหรือไม่? ไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เสี่ยงมะเร็งปากมดลูก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคยเห็นบทความที่แชร์ต่อๆ กันในโลกอินเตอร์เน็ตกันบ้างไหมคะว่า ในช่วงที่ผู้หญิงเรากำลังมีประจำเดือน หากเราไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เลือดเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกได้

อย่างไรก็ตาม ข้อความดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ ไปหาคำตอบจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา กันค่ะ

มะเร็งปากมดลูก เกิดจากอะไร?

สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกนั้น คือการติดเชื้อ HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมาจากเพศสัมพันธ์ ผ่านการสัมผัสผิว หรือเยื่อบุของอวัยวะเพศ หรือการที่ปากมดลูกมีรอยถลอก หรือแผลที่ทำให้เชื้อเข้าไปได้

ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV ที่ก่อโรคมะเร็งปากมดลูก

นอกจากการติดเชื้อ HPV แล้ว ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่

  1. อายุ มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี

  2. มีคู่นอนตั้งแต่อายุน้อยๆ หรือหลายคน ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อเอชพีวีมากขึ้น

  3. สูบบุหรี่จัด ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง ซึ่งรวมทั้งบริเวณปากมดลูกด้วย

  4. มีบุตรจำนวนมาก

  5. ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์)

  6. ไม่เคยตรวจภายใน

วิธีป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก

สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ตามสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลต่างๆ แม้จะป้องกันได้ไม่ 100 % แต่ก็เป็นหนทางหนึ่งที่ดีสำหรับการป้องกันในขณะนี้

ดังนั้นสรุปได้ว่า การไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกเลย เพียงแต่การใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดียวซ้ำไปทั้งวัน ก็อาจทำให้เกิดการอับชื้น ไม่สะอาดเท่าที่ควร ดังนั้นเราจึงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 4-6 ชั่วโมง หรือตามปริมาณประจำเดือนที่มี ในวันมามากอาจจะเปลี่ยนบ่อยกว่าวันที่กำลังจะหมด ทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นให้ดีอยู่เสมอ และใครที่ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ควรตัดเล็บให้สั้น ตะไบเล็บไม่ให้คม เพื่อหลีกเลี่ยงรอยขีดข่วนที่จุดซ่อนเร้นขณะใส่ และไม่ควรใส่ขณะนอนหลับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook