ส่องอนาคต 'รถอเมริกันพันธุ์แรง' ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า

ส่องอนาคต 'รถอเมริกันพันธุ์แรง' ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า

ส่องอนาคต 'รถอเมริกันพันธุ์แรง' ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตลาดยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ากำลังเป็นที่สนใจในหมู่ผู้ใช้รถทั่วโลกที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อม แต่ได้สร้างประเด็นคำถามตามต่อมาว่า แนวโน้มนี้อาจกระทบต่อความนิยมในหมู่รถเครื่องแรงที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลหรือไม่ แล้วรถยนต์กลุ่มนี้จะปรับตัวรับความปกติใหม่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาได้อย่างไร?

รถ "Muscle Cars" หรือ รถเครื่องแรง ของชาวอเมริกัน ซึ่งได้ชื่อนี้มาจากการเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ มีสมรรถนะที่แรง และเร็ว รถ Muscle Car ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันบางรุ่นจะมีเสียงที่ดังสนั่นมาก ที่เรียกกันว่า “Thundering” อันเป็นเอกลักษณ์ของรถเครื่องแรงจากอเมริกา

แต่ปัจจุบันความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้าของผู้คนทั่วโลก ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า จะมีรถเครื่องแรง ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าออกสู่ตลาดหรือไม่?

บริษัท Stellantis ผู้ผลิตรถเครื่องแรงสัญชาติอเมริกันที่มีชื่อเสียงสองรุ่น คือ Dodge Challenger และ Charger ส่วน General Motors ก็ผลิตรถรุ่น Chevrolet Corvette ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยม ซึ่งทั้งสองบริษัทต่างเกิดคำถามว่า บริษัทจะสามารถทำให้บรรดา gearheads หรือแฟนพันธุ์แท้ผู้ชื่นชอบรถยนต์แบบคลาสสิกและทรงพลังซึ่งใช้เชื้อเพลิงจำนวนมาก ยังคงสนใจและใช้รถยนต์แบบนี้ได้อยู่หรือไม่

ความท้าทายอย่างหนึ่งของการแข่งขันระหว่างรถที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบดั้งเดิม กับรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้แบตเตอรี่นั้น คือ เรื่องของความเร็ว เพราะตอนนี้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ากลับมีความเร็วกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบดั้งเดิม ที่ชูจุดขายจาก "แรงม้า" ซึ่งสะท้อนถึงกำลังของรถที่สร้างขึ้นโดยเครื่องยนต์ ที่ยิ่งแรงม้าสูงจะหมายถึงรถที่มีประสิทธิภาพสูงไปด้วย

รถรุ่นใหม่ ๆ สามารถขับขี่ได้เร็วและควบคุมรถได้ง่ายกว่ารถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ในขณะที่รถรุ่นใหม่เหล่านี้กลับไม่ส่งเสียงดังมากนัก

ในเรื่องนี้ ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ Stellantis หวังว่าบรรดา gearheads หรือผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันแบบเก่า จะกลายมาเป็น battery-heads หรือผู้ที่ชอบรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ในอนาคต โดยบริษัทลูกครึ่งอเมริกัน-อิตาเลียนนี้ ตัดสินใจหยุดผลิตรถยนต์รุ่น Challenger, Charger และ Chrysler 300 ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันภายในสิ้นปี 2023 และบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ก็กำลังดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย

ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปหลายราย พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงขึ้นมาวางจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว ทั้ง Porsche Audi และ Mercedes-Benz

ฝั่ง General Motors กล่าวว่าอีกไม่นานบริษัทจะผลิต Corvette ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ส่วน Polestar ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่ก่อตั้งโดยเจ้าของ Volvo กล่าวว่า กำลังจะผลิตรถเปิดประทุน หรือรถเล็กที่ขับสนุกด้วยพลังงานไฟฟ้าออกสู่ตลาดในเร็ววันนี้

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ออกข้อกำหนดให้รถยนต์สร้างมลพิษให้น้อยลง โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ออกกฎเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ด้วยเช่นกัน

เรื่องดังกล่าวยังผลให้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ เริ่มมุ่งเน้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ด้วยการปรับปรุงโรงงานผลิตรถยนต์บางแห่งเพื่อให้สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ รวมทั้งสร้างโรงงานใหม่เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย

สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ หรือ EPA กล่าวว่า รถยนต์ของบริษัท Stellantis ใช้เชื้อเพลิงมากที่สุดและส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด รถยนต์บางรุ่น เช่นรถ Charger รุ่นที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Hemi Hellcat ใช้เชื้อเพลิงหนึ่งลิตรต่อระยะทางเพียงห้ากิโลเมตรเท่านั้น

กฎใหม่ที่กำหนดโดย EPA ระบุว่ารถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัททั้งหมดจะต้องประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ภายในปี 2026

แซม อาบูเอลซามิด (Sam Abuelsamid) นักวิจัยของ Guidehouse Insights กล่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์บางรายจะยังคงผลิตรถยนต์ด้วยเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม หรือเครื่องยนต์สันดาปภายในต่อไปอีกประมาณ 10 ปี

ทางด้าน ริค เนลสัน (Rick Nelson) เจ้าของบริษัทซ่อมรถ Muscle Car ในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งชื่นชอบรถรุ่นเก่า ๆ กล่าวว่า อาจเป็นการยากที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ผู้กับขับขี่ที่มีอายุมากแล้วที่โตมากับรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีเสียงดัง แต่เขาทราบว่ามีหลาย ๆ บริษัท เริ่มคิดจะนำระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้กับรถยนต์ "คลาสสิก" ดังนั้นอนาคตของรถอเมริกันพันธุ์แรงจะยังไม่จบลงอย่างแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook