รู้จักบัตรเดบิต บัตรเครดิต และบัตรเอทีเอ็ม เตรียมตัวสู่โลกไร้เงินสด
เรียนรู้บัตรเดบิต บัตรเครดิต และบัตรเอทีเอ็ม ..ดูข้อดีข้อเสีย แบบไหนเหมาะสมกับเรา เตรียมการก่อนที่จะเดินหน้าสู่สังคมไร้เงินสด ในอนาคตตามนโยบายของทางการ
สังคมไทยกำลังเดินหน้าไปสู่ยุคเศรษฐกิจ 4.0 สังคมยุคดิจิทัล ในภาคการเงินก็เช่นกัน กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้วางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน เพื่อจะเข้าสู่เศรษฐกิจยุคดิจิทัล ซึ่งรูปแบบที่มีการส่งเสริมก็คือ การเดินหน้าสู่สังคมไร้เงินสด โดยพยายามวางระบบโครงสร้างพื้นฐานไปสู่การใช้จ่ายผ่านผ่านบัตรพลาสติก ซึ่งต่อไปในอนาคต การใช้จ่ายอาจทำได้ง่ายเพียงผ่านบัตรประชาชนใบเดียว
แต่ในระยะเริ่มต้นนี้ ทางการได้วางโครงสร้างการใช้จ่ายที่เรียกกันว่า ระบบ National e-Payment โดยพยายามส่งเสริมการใช้จ่ายของประชาชนผ่านบัตรเงินสด หรือ บัตรเดบิต โดยล่าสุดได้มีมาตรการสร้างแรงจูงใจ โดยจัดโครงการ แจกรางวัลมูลค่าสูงสุดถึง 1 ล้านบาทในแต่ละเดือน ตลอด 1 ปี นับตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2560 เป็นต้นไป โดยรางวัลรวมสูงถึง 48 ล้านบาท ทั้งในส่วนของผู้ใช้บัตรเดบิต และ ร้านค้าที่ติดตั้งบัตรเครื่องรับจ่ายผ่านบัตรเดบิตด้วย
การจัดโครงการเพื่อจูงใจการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง พื้นฐานของคนไทยที่ยังไม่นิยมการใช้จ่ายผ่านบัตรพลาสติก ที่เรียกว่าบัตรเดบิต มากนัก วันนี้เรามาทำความรู้จัก บัตรเดบิต กันว่า คือบัตรอะไร ใช้อย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ต่างจาก บัตรเอทีเอ็ม หรือ บัตรเครดิตอย่างไร...มาดูกันครับ
บัตรเดบิต
บัตรเดบิต (Debit Card) คือ บัตรที่ธนาคารออกให้โดยผูกบัตรไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร ซึ่งสามารถใช้ในการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่อง ATM ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน โอนเงิน สอบถามยอด และ จ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านบัตรเดบิตนี้ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสด
โดยจะมีข้อความว่า “Electronic Use Only” ไว้บริเวณด้านบนหรือด้านล่างของบัตร และผู้ที่ใช้บัตรเดบิตจะต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้า และค่าธรรมเนียมรายปีตามราคาที่ทางธนาคารแต่ละธนาคารกำหนด
ข้อดีของบัตรเดบิต
บัตรเดบิต เป็นบัตรเงินสดที่ผูกไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ใช้ ดังนั้น การใช้จ่ายจึงไม่ใช่สินเชื่อ เราไม่ได้กู้เงินธนาคารมาใช้ แต่เป็นการใช้เงินของเราผ่านบัตรเท่านั้น เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตร บัตรเดบิตจะทำการตัดเงินเราจากบัญชีธนาคารทันที
ด้วยการที่ตัดเงินเท่าที่มีในบัญชี ซึ่งถือว่าเป็นการใช้จ่ายด้วยเงินของเจ้าของบัญชีโดยตรง จึงทำให้ไม่มีการคิดดอกเบี้ย
ส่วนมากบัตรเดบิตจะผูกกับบัญชีธนาคารโดยตรง ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่หลายครั้ง บัตรเดบิตนั้นเป็นบัตรเดียวกับบัตรเอทีเอ็ม แต่ถ้าหากคุณไม่ต้องการบริการเสริมนี้ ก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ระหว่างทำบัตรเอทีเอ็มได้
บัตรเอทีเอ็ม
บัตรเอทีเอ็ม คือ บัตรที่ธนาคารออกให้กับผู้เปิดบัญชีเงินฝาก เพื่อใช้สำหรับบริการในเรื่องการถอน ฝาก โอนเงินระหว่างบัญชี ผ่านตู้บริการอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า ตู้เอทีเอ็มนั้นเอง ทั้งนี้ บัตรเอทีเอ็ม จะผูกพันกับเงินในบัญชีโดยตรง ผู้ถือบัตรจะถอน หรือโอนเงินได้เท่ากับจำนวนเงินที่มีในบัญชีเท่านั้น
บัตรเครดิต
บัตรเครดิต คือ สินเชื่อบุคคลธรรมดา โดยธนาคารจะให้เงินจำนวนหนึ่งตามที่ธนาคารกำหนด และคุณก็สามารถใช้สินเชื่อนั้นได้ทุกๆ เดือน ภายในวงเงินดังกล่าวเพื่อ ซื้อสินค้า บริการต่างๆ แต่มีเงื่อนไขว่า คุณจะต้องทำการจ่ายเงินที่นำไปจับจ่ายซื้อของเหล่านั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมกับต้องเสียดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด หรือพูดง่ายๆ ธนาคารจ่ายให้ก่อน พอครบ 30 วัน คุณก็ต้องไปจ่ายคืนธนาคาร ซึ่งรูปแบบของบัตรเครดิตคือสินเชื่อส่วนบุคคลระยะสั้นนั้นเอง
ข้อดีของ บัตรเครดิต คือทำให้ผู้ถือบัตรสามารถใช้จ่ายเงินล่วงหน้าไปก่อน โดยธนาคารผู้ออกบัตรให้เป็นผู้ใช้จ่ายแทน ซึ่งผู้ถือบัตรต้องเสียดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
ข้อเสียก็คือ หากผู้ถือบัตรใช้จ่ายไม่ระมัดระวังใช้จ่ายเกินตัว ไม่สามารถหารายได้มาใช้คืนตามกำหนดเวลา จะเสียดอกเบี้ยและเป็นหนี้สูงจนเป็นปัญหาขึ้นมาได้
เปรียบเทียบบัตรเดบิตกับบัตรเครดิต
บัตรเดบิตกับบัตรเครดิตจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของการใช้จ่าย โดยเวลาที่ชำระค่าสินค้าและบริการนั้นบัตรเดบิตจะจ่ายเงินสดทันที ด้วยการหักเงินจากบัญชีโดยอัตโนมัติ หรือเรียกได้ว่า “ซื้อแล้วจ่ายเลย” ซึ่งผู้ถือบัตรไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ในขณะที่บัตรเครดิตนั้นเป็นการ “ซื้อแล้วจ่ายทีหลัง” หรือเป็นการกู้สินเชื่อนั่นเอง ซึ่งจะมีภาระดอกเบี้ยในการใช้จ่ายตมเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วย
การใช้บัตรพลาสติกแทนเงินสด ในสังคมไทยนั้น ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก โดยเฉพาะในต่างจังหวัดส่วนใหญ่การใช้บัตรยังเป็นเพียงบัตร เอทีเอ็ม สำหรับกด โอนเงินเท่านั้น การใช้บัตรเดบิตและ บัตรเครดิตยังกระจุกอยู่ที่คนชั้นกลางในเมืองเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะบัตรเดบิตด้วยแล้ว ห้างร้านต่างๆยังไม่มีเครื่องรับหรือเครื่องอ่านเป็นที่แพร่หลาย ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ประชานยังไม่เป็นที่นิยม คงจะต้องรอให้โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้มีความพร้อมและมีความเข้าใจการใช้จ่ายผ่านบัตร และมองเห็นข้อดีมากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ในเรื่องของค่าธรรมเนียมบัตรยังถือว่าเป็นอุปสรรคที่คนใช้เห็นว่ามีอัตราสูงกว่าบัตรเอทีเอ็มปรกติ และเขาไม่ได้ใช้บัตรเพื่อการซื้อสินค้าและบริการอยู่แล้วจึงเป็นข้อจำกัดที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง
อัตราค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรประเภทต่างๆของธนาคารในประเทศ
ภาพ:CR ธนาคารแห่งประเทศไทย