เอ๋ พรทิพย์ ยอมรับร้องไห้ปรับความเข้าใจกับ เป้ย ปานวาด ปัดมีปัญหาเรื่องเงิน

เป็นประเด็นให้ติดตาม เมื่อ "เป้ย ปานวาด" โพสต์อินสตาแกรมเป็นรูปที่กอด "เอ๋ พรทิพย์" ร้องไห้ พร้อมแคปชั่นในทำนองว่า การทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในการทำงานนั้นยากกว่า จนหลายคนไปตีความว่าเพื่อนซี้คู่นี้กำลังมีปัญหากัน หลังจากร่วมกันทำธุรกิจในแบรนด์ "bloss natura"

ล่าสุด เอ๋ พรทิพย์ ได้ไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ "HAIRITZ" จึงได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าว ว่าไม่ได้เป็นการทะเลาะกัน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความไม่เข้าใจในเรื่องเล็กๆ เท่านั้น

มีข่าวมีปัญหากับ เป้ย ปานวาด เรื่องธุรกิจ ?

"ไม่ได้มีการทะเลาะอะไรกันทั้งสิ้นเลย ภาพที่เป้ยลงคือเป็นภาพปรับความเข้าใจกัน ไม่ได้ทะเลาะ แต่อาจจะมีบางทีที่คิดไปเอง เอ๋อาจจะพูดแค่นี้ แต่เป้ยอาจจะคิดไปไกลกว่าสิ่งที่เราพูด หรือ เป้ยอาจจะพูดประมาณนี้ แต่เราไปน้อยใจ ทั้งๆ ที่เป้ยไม่ได้คิดอะไร มันเป็นเรื่องปกติของคนทำงานด้วยกัน และเป็นผู้หญิงด้วย เราได้มีการพูดคุยก่อนร่วมงานกันอยู่แล้วว่าต้องเคลียร์กัน"

"และจะมีการคุยกันระหว่างหุ้นส่วน 3-4 เดือนครั้ง ถ้ามีอะไรต้องเคลียร์ และทุกคนก็จะพูดปัญหาของตัวเอง บางคนกลัวเอ๋กับเป้ย คิดเรื่องงานเยอะเกินไป และวันนั้นด้วยความที่เป้ยเค้าท้องและเซ้นซิทีฟ แต่จริงๆ แล้วทุกคนก็ร้องไห้ เพราะเราดีใจที่เราสามารถพูดคุยแล้วรู้เรื่อง และเข้าใจกัน"

มีปัญหาเรื่องเงิน?

"ไม่ได้มีปัญหากันเรื่องเงินเลย เรื่องเงินโอเค เพราะเรายังไม่ได้แบ่งกัน (หัวเราะ) และเราก็ทำเป็นบริษัทถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วนคนไหนก็สามารถเช็คได้ เรื่องเงินไม่มีปัญหาเลย"

เป็นเรื่องทัศนคติหรือเปล่า?

"เป็นเรื่องปัญหาเล็กๆ แต่บางทีความที่คิดไปเอง หรือสื่อสารทางข้อความ มันสามารถแปลสารได้หลายๆ แบบ กับแค่ประโยคเดียว เราก็ต้องมานั่งเคลียร์กันว่าไม่ได้รู้สึกน้อยใจ หรือโกรธเราใช่ไหม "

ยังคุยกันได้ใช่หรือเปล่า?

"ไม่มีปัญหาอะไรเลย มันเป็นเรื่องเล็กๆ มากๆ ไม่ได้มีแค่เอ๋กับเป้ย แต่เราเคลียร์กันทุกคนเลย"

ปรับความเข้าใจกันนานไหม ?

"จริงๆ เรานัดประชุมกันทุกๆฝ่ายตั้งแต่เช้ายันบ่าย พอจุดสุดท้ายก็คุยกัน คนนั้นร้องไห้ คนนี้ร้องต่อ ร้องทุกคน ไม่ได้มีแค่เอ๋กับเป้ย มีคนอื่นด้วย ก็มีการปรับกัน ว่าทุกคนโอเคไหม ใครคับข้องใจไหม มีใครไม่สบายใจหรือเปล่า"

เป็นบทเรียนให้เราเรื่องการทำธุรกิจกับเพื่อนไหม?
“เป็นบทเรียนคือต้องคุยกันมากขึ้น และใส่ใจทุกความรู้สึกมากขึ้น บางทีเราอาจจะเป็นคนพูดไปแล้วไม่ได้คิดอะไร แต่อาจไปกระทบคนอื่น ก็ต้องดูตัวเราด้วย และทุกคนต้องดูความรู้สึกของตัวเองด้วย ”