เด็กหญิงชาวลาวเจอนายจ้างโหดใช้กรรไกรแทง เคราะห์ซ้ำหนีมาเจอหนุ่มใหญ่ลวงข่มขืน

เด็กหญิงชาวลาวเจอนายจ้างโหดใช้กรรไกรแทง เคราะห์ซ้ำหนีมาเจอหนุ่มใหญ่ลวงข่มขืน

เด็กหญิงชาวลาวเจอนายจ้างโหดใช้กรรไกรแทง เคราะห์ซ้ำหนีมาเจอหนุ่มใหญ่ลวงข่มขืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“บิ๊กอู๊ด” แถลงจับกุมนายจ้างโหด กรรไกรแทง-ใช้เยี่ยงทาส เหยื่อ ด.ญ.ชาวลาว จนไม่ไหว หนีออกมาขอความช่วยเหลือ กลับเสือปะจระเข้เจอชายแก่หลอกให้ความช่วยเหลือกลับถูกข่มขืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 ส.ค.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดชลบุรี พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม 3 พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม ผู้ต้องหาคดี ค้ามนุษย์ และข่มขืนเด็ก เหตุเกิดขึ้นที่ จ.สมุทรปราการ

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 62 มีพลเมืองดีพาตัว ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี สัญชาติลาว เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สมุทรปราการ แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับบ้าน ไม่มีเอกสารติดตัวมาด้วย ตม. ก่อนตำรวจจะได้สังเกตตามร่างกายและใบหน้ามีร่องรอยการถูกทำร้ายจำนวนหลายบาดแผล จึงได้สอบถามจนทราบว่าถูก นางทิพยอาภา นายจ้างทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ จึงได้ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ทำการสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

จนกระทั่งทราบว่าผู้เสียหายได้เดินทางเข้ามา ประเทศไทยเมื่อประมาณปี 2560 เพื่อมาทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านคอยเลี้ยงแมว และสุนัขในบ้านที่เกิดเหตุ ตกลงค่าแรง เดือนละ 3,000 บาท โดยค่าจ้างเดือนแรกหักเป็นค่าเดินทาง ค่าจ้างเดือนต่อไปจะโอนเข้าบัญชีพ่อผู้เสียหาย และให้นอนในห้องร่วมกับสุนัขและแมวที่เลี้ยงไว้

ระหว่างที่ทำงานในบ้านที่เกิดเหตุ ได้ถูกนายจ้างทำร้ายร่างกาย โดยใช้กรรไกรตัดกระดาษ กรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้ เป็นอาวุธ ทิ่มตามแขน ขา หลัง หน้าอก มีบาดแผล ใช้ของแข็งคล้ายสากกะเบือตีที่บริเวณหน้า ปาก ใช้ไม้ แขวนเสื้อยัดเข้าไปในปากแล้วดึงออก ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่ไม่เคยได้รับการรักษา ปล่อยให้แผลหายเองตามธรรมชาติ มีบางครั้งได้ทานยาแก้ปวดบ้าง

ระหว่างพักอาศัยที่บ้านเกิดเหตุ นายจ้างได้บอกว่าห้ามออกไปนอกรั้วบ้าน หากออกไปจะถูกตำรวจจับ หรือมีคนพาไปโกนหัว ทำให้เด็กเกิดความกลัว ไม่กล้าออกไปไหน หากมีเจ้าหน้าที่มาตรวจต้องคอยหลบซ่อนห้าม ไม่ให้เจ้าหน้าที่เห็น เมื่อเจ้าหน้าที่กลับไปแล้วนายจ้างจึงไปตามกลับมา ปกตินายจ้างจะอยู่บ้านตลอดเวลา ไม่ออกไปไหน

ต่อมาเมื่อประมาณช่วงต้นปี 2562 เด็กเห็นโอกาสที่นายจ้างไม่อยู่จึงรีบหลบหนีออกมาจากบ้าน ไปเร่ร่อนอยู่ข้างทางสักระยะได้มี นายกาหลง อายุ 51 ปี พาไปอยู่ด้วย ได้ใช้โอกาสบังคับขืนใจข่มขืนกระทำชำเราโดยเด็กไม่ยินยอม จนชาวบ้านแถวนั้นเห็นและทนไม่ไหวกับพฤติกรรม

จึงได้พาตัวเด็กมาพบ ตม.จว.สมุทรปราการ เพื่อให้การช่วยเหลือ และพาไปร้องทุกข์กับ พงส.กก.สส.บก.ตม.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ต่อมา เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 62 พงส.กก.สส.บก.ตม.3 ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัด สมุทรปราการ จับกุม นายกาหลง ในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราฯ และให้การช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ให้คนต่าง ด้าวพ้นจากการจับกุมฯ” และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในวันที่ 9 ส.ค. 62

ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. 62 พงส.กก.สส.บก.ตม.3 ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัด สมุทรปราการ จับกุม นางทิพยอาภา นายจ้าง ในความผิดฐาน “ค้ามนุษย์ฯ และทำร้ายร่างกายสาหัส หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว” ศาลอนุมัติตามขอหมายจับ

และในวันที่ 16 ส.ค. 62 ได้ขอหมายค้นบ้านที่เกิดเหตุ และทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมตรวจสถานที่ เกิดเหตุ โดยมี พฐ. เก็บพยานหลักฐานอาวุธที่ใช้กระทำผิด เพื่อส่งตรวจพิสูจน์ต่อไป สำหรับเด็กได้รับการคุ้มครองตาม กระบวนการของกฎหมายในฐานะผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. กล่าวว่า สตม. ได้ใส่ใจคนต่างด่าวที่เข้ามาพักอาศัยในราชอาณาจักรไทยทุกคน หากพบว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกนายจ้างทำร้ายสามารถแจ้งเบาะแสมาที่ ตม.จว. ได้ทุกแห่ง และฝากเตือนถึงนายจ้าง หากท่านรับคนต่างด้าวเข้ามาทำงาน ท่านต้องปฏิบัติต่อคนต่างด้าว ที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม

หากนายจ้างทำให้ลูกจ้างกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน หรือ ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ หรือใช้กำลังประทุษร้าย ทางตำรวจจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยไม่มีข้อยกเว้นเนื่องจากเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook