คนขับแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา รายแรกของไทย หายดีแล้ว กลับบ้านได้ (มีคลิป)

คนขับแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา รายแรกของไทย หายดีแล้ว กลับบ้านได้ (มีคลิป)

คนขับแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา รายแรกของไทย หายดีแล้ว กลับบ้านได้ (มีคลิป)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันนี้ (5ก.พ.) ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่เป็นการติดเชื้อในประเทศรายแรก และเข้ารับการรักษาในสถาบันบำราศนราดูร ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อแล้ว ถือว่าหายเป็นปกติ สามารถกลับบ้านได้ ส่วนญาติและผู้สัมผัสใกล้ชิดทุกคนมีการติดตามเฝ้าระวังอาการต่อเนื่องตามมาตรฐาน ทุกรายเป็นปกติ

"วันนี้ได้รับข่าวดีจากสถาบันบำราศนราดูร ว่าผู้ป่วยชายไทยที่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศไทยรายแรก ซึ่งเข้ารับรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร มีอาการค่อนข้างรุนแรง อยู่ในห้องแยกโรคความดันลบ มีทีมแพทย์ให้การดูแลรักษาตามมาตรฐานอย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นต่อเนื่อง ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งล่าสุดไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 แล้ว ถือว่าหายป่วยแพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้" นายอนุทิน กล่าว

สรุปสถานการณ์ของประเทศไทย ขณะนี้เหลือผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาลจำนวน 16 คน กลับบ้านแล้วจำนวน 9 คน รวมผู้ป่วยสะสม จำนวน 25 คน โดยผู้ป่วยที่ยังอยู่โรงพยาบาลได้รับรายงานว่ามีแนวโน้มอาการดีขึ้น รายที่อาการหนัก วันนี้อาการยังทรงตัวและอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ยกระดับการดำเนินการเป็นระดับชาติ มีการขับเคลื่อนงานร่วมกันจากหลายกระทรวง หลายหน่วยงาน เพื่อให้มาตรการต่างๆ มีประสิทธิภาพ

โดยในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการคัดกรอง ดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นอย่างดี การตรวจวิเคราะห์หาเชื้อดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานระดับโลกและมีความรวดเร็ว ทำให้ได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก รวมถึงประเทศต่างๆ ว่าระบบสาธารณสุขของไทยเข้มแข็งและมีการปฏิบัติที่สูงกว่ามาตรฐาน เป็นเพราะเรามีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคต่างๆ มาหลายครั้ง

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่และมีประวัติเคยรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เมื่อรู้สึกมีอาการป่วยได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข คือ หยุดขับรถรับผู้โดยสาร และสวมหน้ากากอนามัยมาพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติความเสี่ยง ทำให้เข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากการติดตามญาติและผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยตามมาตรฐานการเฝ้าระวังควบคุมโรค ทุกรายมีอาการเป็นปกติ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ประกอบอาชีพขับรถรับจ้างสาธารณะ ที่มีความตระหนัก ติดตามข้อมูลความรู้และปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขได้อย่างถูกต้อง ทำให้ไม่เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ 

ทั้งนี้ ขอแนะนำผู้ขับรถรับจ้างสาธารณะให้เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวที่ผู้โดยสารสัมผัสบ่อยๆ เช่น ที่จับประตู เบาะนั่ง ที่เท้าแขน ด้วยน้ำผงซักฟอก หรือน้ำยาทำความสะอาด หรือแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสามารถทำลายเชื้อไวรัสได้ สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะขับรถซึ่งสามารถใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้าได้และให้ล้างมือบ่อยๆ

ยังไม่สรุปคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นติดเชื้อจากที่ไหน

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า อย่าด่วนสรุปว่าคนไทยที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นติดเชื้อจากญี่ปุ่นหรือไทยหรือที่ใด เช่นเดียวกับคนเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับจากไทย ก็กำลังประสานข้อมูลว่ามีการเดินทางในรายละเอียดอย่างไร กับกระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้อยู่ เพราะตามหลักการระบาดวิทยา ร่วมกับหลักการระหว่างประเทศ เมื่อผู้ป่วยเดินทางกลับจากที่ใด จะลงในรายงาน ข้อมูลสอบสวนโรคว่าเดินทางไป ณ ประเทศนั้นๆ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 3-23 ม.ค. 2563 มีการตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิสะสม จำนวน 137 เที่ยวบิน จำนวน 21,522 คน ใน 5 ท่าอากาศยาน คือสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ และเพิ่มที่ท่าอากาศยานเชียงรายอีก 1 แห่งตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. - 3ก.พ. 2563 คัดกรองผู้โดยสารสายการบินจากจีน 276 เที่ยวบิน ผู้เดินทางและลูกเรือได้รับการคัดกรอง จำนวน 13,411 ราย กระทรวงสาธารณสุขจัดเจ้าหน้าที่หมุนเวียนไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่ด่าน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนนักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกคำแนะนำสุขภาพ (health beware card) จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค

วันนี้ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วจะเข้าไปตรวจเพิ่มเติม พร้อมเก็บตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการ ส่วนระบบการสื่อสารมีพร้อมแล้วอยู่ระหว่างการพูดคุยเตรียมการกับญาติ นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมสำรองโรงพยาบาลอีก 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมการแพทย์ทหารเรือ โรงพยาบาลบ้านฉาง จ.ระยอง โรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 โรงพยาบาลชลบุรี ในกรณีที่พบผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังเพิ่มเติม 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook