สำนักสงฆ์ปั่นป่วน "หลวงพ่อดี" อดอาหารนั่งกรรมฐาน มีผู้บิดเบือนเจตนาโยงการเมือง
จากกรณีที่ พระสุวัฒน์ สุวัฑฒโน หรือ หลวงพ่อดี อายุ 63 ปี เจ้าสำนักสงฆ์วัดป่าพุทธอุทยาน ต.ห้วยใหญ่ อ.เมืองเพชรบูรณ์ นั่งสมาธิกรรมฐานอดอาหาร น้ำ ปิดวาจา อยู่ในกรงเหล็ก ภายในเจดีย์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ภายในสำนักสงฆ์ มาเป็นเวลาถึง 39 วันแล้ว โดยพระธรรมจักร สีรวังโร ผู้ดูแลหลวงพ่อดี กล่าวว่า หลวงพ่อนั่งปฏิบัติธรรมขั้นสูง โดยการไม่พูด ปิดวาจา ไม่ฉันภัตตาหาร ไม่รับน้ำปานะ ดื่มเพียงน้ำปัสสาวะนะ หรือน้ำมูดเน่า ไม่สรงน้ำ ไม่เข้าห้องน้ำ โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์ 4 ประการคือ 1.เพื่อรักษาขจัดโรคภัยโดยเฉพาะโรคโควัด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ 2.ขอให้มีการบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย 3.หากรัฐบาลไม่สามารถบริหารงานได้ขอให้คืนอำนาจให้กับพระมหากษัตริย์ และ 4.ขอให้มีการสร้างสันติภาพ สู่สันติสุข
ซึ่งหากไม่มีการตอบรับหรือพิจารณาดำเนินการใดๆ หลวงพ่อดีจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ รวมทั้งได้แจ้งแก่คณะศิษย์แล้วว่า หากมรณภาพขอให้เก็บศพไว้ภายในเจดีย์แห่งนี้ เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้กับพุทธศาสนิกชนต่อไป ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาวันที่ 30 เม.ย.2563 คณะสงฆ์จังหวัดเพชรบูรณ์ โดย พระครูพัชรคณาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอน้ำหนาว ตัวแทนเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยพระอธิการอธิวัฒน์ เจ้าคณะตำบลห้วยใหญ่ นายธีรธรรม บัมทอง กำนัน ต.ห้วยใหญ่ นายบุญเรือง จ้อยจำปา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ห้วยใหญ่ ศาสตราจารย์ ดร.ดุษฎีวัฒน์ แก้วอินทร์ ประธานชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนา และชาวบ้านหมู่ 2 ต.ห้วยใหญ่ จำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันร่างประกาศพร้อมทั้งนำไปติดไว้ภายในสำนักสงฆ์วัดป่าอุทยาน เพื่อให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ก่อนที่จะปิดประกาศ ได้มีการนิมนต์ เชิญ พระภิกษุ แม่ชี ฆราวาส ทั้งหมดที่อยู่ภายในสำนักสงฆ์ ออกมารับฟังประกาศโดยพร้อมเพรียงกัน
พระครูพัชรคณาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอน้ำหนาว กล่าวว่า จากการที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว การนั่งวิปัสนากรรมฐานของหลวงพ่อดี ในการที่จะช่วยเหลือประเทศชาติและโลกให้พ้นจากโรคโควิด แต่ได้มีกลุ่มบุคคลที่เข้ามาอยู่ภายในสำนักสงฆ์แห่งนี้ ได้บิดเบือนนำเอาการกระทำของหลวงพ่อดีไปหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า หลวงพ่อดีกระทำการดังกล่าวเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่เลย และเพื่อให้ปัญหาดังกล่าวคลี่คลาย จึงได้มีการออกประกาศให้กลุ่มบุคคลต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง และเข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้ออกจากพื้นที่ภายในเที่ยงวันของวันพรุ่งนี้ (1 พ.ค.2563) หากไม่เช่นนั้นแล้วก็จะให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศก่อนที่คณะสงฆ์และชาวบ้านจะนำประกาศไปติดปรากฎว่า กลุ่มบุคคลที่เข้ามาเคลื่อนไหวภายในสำนักสงฆ์ ได้ออกจากพื้นที่ไปแล้วในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา คงเหลือแต่พระภิกษุและแม่ชีอยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้น สำหรับรายชื่อผู้ที่มีสิทธิอยู่ภายในวัดมีทั้งหมด 21 รายชื่อ ประกอบด้วยพระสงฆ์ 6 รูป รวมทั้งหลวงพ่อดีด้วย แม่ชี 4 คน ฆราวาสชาย 5 คน ฆราวาสหญิง 6 คน ส่วนผู้ไม่มีรายชื่อต้องออกจากสำนักสงฆ์
จนถึงวันนี้ พระสุวัฒน์ สุวัฑฒโน หรือ หลวงพ่อดี เริ่มฉันน้ำ และน้ำข้าวผสมเกลือแล้ว แต่ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ต่างจากที่ผ่านมาที่ลูกศิษย์สามารถที่เข้าไปใกล้ได้
สำหรับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจาก ช่วงเย็นของวันที่ 28 เมษายน 2563 ได้มี พระสมาน อายุ 50 ปี พระลูกวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งได้เดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้ ได้มีการอ่านประกาศแถลงการณ์ที่พาดพิง หรืออิงไปทางการเมือง ทางเจ้าคณะอำเภอน้ำหนาว และเจ้าคณะตำบลห้วยใหญ่ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ จึงได้ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงผู้นำชุมชน ที่ไปสังเกตการณ์ ในวันนั้น ให้เชิญตัว พระสมาน ออกไปจากภายในพื้นที่เจดีย์ก่อน เพราะทางคณะสงฆ์ จะมีการประกาศตั้งพระอัครินท์ กิตติโก ให้รักษาการเจ้าอาวาสแทน พระสุวัฒน์ หรือ หลวงพ่อดี ซึ่งอยู่ระหว่างนั่งกรรมฐาน แต่พระสมานไม่ยอม จึงต้องมีการใช้เจ้าหน้าที่ในการเชิญตัว
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพขณะเชิญตัวพระสมานออกไป ระบุว่า "ตำรวจทำงามหน้าอีกแล้ว แค่สงสัยว่าพระรูปหนึ่งบวชถูกต้องหรือไม่ โดยไม่มีหมายเรียก ไม่มีหมายจับ ไม่มีหมายค้น นำกำลังเข้าไปจับกุมตัวฉุดกระชากลากถูพระจนจีวรหลุดลุ่ย ทำเหมือนพระเป็นโจรฆ่าคนตายมาใหม่ๆ สุดท้ายพาไปทำบันทึกประจำวันแล้วปล่อยตัวกลับ เหตุเกิดพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ผู้ว่าเพชรบูรณ์ควรดูแลเรื่องนี้บ้างว่ามันสมควรแก่เหตุหรือไม่ เป็นการลุแก่อำนาจคุกคามพระสงฆ์องค์เจ้าหรือไม่ เป็นการปฏิบัติหน้าที่มีแต่จะให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือไม่"