พบช้างป่ากุยบุรี ซูบผอมจนยืนไม่ไหว ช็อกซ้ำ ตรวจเจอรอยถูกยิง 5 นัด

วันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบช้างป่าซูบผอมและป่วยจนล้มไม่สามารถยืนได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ที่ กร.4 หุบมะซาง ได้รับแจ้งจาก ชาวบ้านเจ้าของไร่ตาเยื้อน บ้านวังไทร ม.7 ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า พบช้างป่าป่วยล้มนอนอยู่ใกล้กับต้นโกโก้และขนุนของชาวบ้าน จึงรายงานให้ นายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ทราบพร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเข้าไปตรวจสอบ พบช้างป่าล้มนอนสภาพอ่อนแรง ร่างกายผอมโซอาจตายได้หากไม่ได้รับการรักษา จึงประสานขอสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเข้ารักษาช้างป่าตัวดังกล่าว ซึ่งสัตวแพทย์หญิงกชกร พิมพ์เสน สัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมเจ้าหน้าที่สัตวบาลจากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จ.เพชรบุรี เข้าตรวจรักษาช้างป่าเบื้องต้น

นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิรัช ทองไทย นวท.(สบ 4) พฐ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ซึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้าตรวจที่เกิดเหตุบริเวณที่พบช้างป่าล้มป่วย โดยใช้เครื่องสแกนวัตถุโลหะ สแกนบนตัวช้างป่าตัวดังกล่าว ผลปรากฎว่าพบ วัตถุโลหะบนตัวช้างป่า รวม 5 แห่ง ได้แก่ ที่บริเวณหัวไหล่ซ้าย 1 จุด สะโพกซ้าย 2 จุด ก้นซ้าย 1 จุด และที่ขวาอีก 1 จุด

นายพิชัย ระบุว่า ทีมสัตวแพทย์จะเฝ้าดูอาการช้างป่า ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากยังอ่อนเพลียไม่มีแรง และหากทีมสัตวแพทย์ต้องการอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมเพื่อรักษาช้างป่า ตนจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที และได้สั่งการให้อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ส่งเจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความดำเนินดคีกับผู้ก่อเหตุยิงช้างป่า ที่ สภ.สามร้อยยอด ด้วย

พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากทีมพิสูจน์หลักฐานแล้ว จึงได้สั่งการให้ สภ.สามร้อยยอด ลงพื้นที่หาข่าวที่เกี่ยวข้องเป็นเบื้องต้นไว้ก่อน เพราะยังไม่สามารถระบุชชนิดของโลหะหรือชนิดของอาวุธปืนได้ว่าเป็นชนิดใด เนื่องจากยังไม่สามารถผ่าเอาวัตถุโลหะออกมาได้ เพราะช้างป่ายังป่วยหนักอยู่ แต่ให้หาข่าว เตรียมไว้ก่อน อย่างมีใครพบเห็นช้างตัวดังกล่าวเข้าไปในพื้นที่การเกษตรใดบ้าง