โจรกรรมครั้งมโหฬาร "หนังสือบุดโบราณ" หายจากมหาวิทยาลัย ขายว่อนตลาดมืด
หนังสือบุดโบราณหายจาก ม.ราชภัฎนครศรีธรรมราช สมบัติล้ำค่าของชาติ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ขอบิณฑบาตคืน
(17 ก.ค.63) ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พระเถระชั้นผู้ใหญ่ประกอบด้วย พระเทพวินยาภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 16-17-18 พระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายมหานิกาย พระราชวิสุทธิกวี เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมติ พระพุทธิสารเมธี เจ้าอาวาสวัดศรีทวี พระครูพรหมเขตคุณารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก พระครูเหมเจติยาภิบาล ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์รับบิณบาตคืนหนังสือบุดสมุดข่อยจังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยมีนายแพทย์บัญชา พงศ์พานิช เป็นผู้ประสานงานในการช่วยเหลือสนับสนุนด้านต่างๆ กับคณะพระเถระ ซึ่งปรากฏว่ามีการโจรกรรมจากศูนย์วัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ไปขายในตลาดมืดจำนวนมาก โดยการขอบิณฑบาตคืนจะไม่มีการสืบสวนเอาผิดใดๆ กับผู้ที่มีเจตนาดีในการนำมาคืนแผ่นดิน เมื่อทราบว่าได้ไปครอบครองไปจากการโจรกรรมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
โดยหนังสือบุดโบราณของนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยราชภัฎได้ขอรับไปศึกษาจากหลายแหล่งเช่นวัดวาอารามต่างๆ ผู้ที่ครอบครองเป็นมรดกตกทอดจากสายตระกูลเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งประกอบไปด้วย พระอภิธรรม คัมภีร์พระมาลัย ตำราสีมากถา ตำราดูฤกษ์ยาม ตำรายา ตำราไทยสันตา ตำรายันต์ พระนิพานโสตร พระศรีธรรมาโศก วรรณกรรมประโลมโลก ซึ่งแต่ละฉบับนั้นมีอายุนับร้อยหรือหลายร้อยปี แต่ปรากฎว่าได้มีการโจรกรรมออกมาจำนวนมากโดยมีการขายอยู่ในตลาดมืด
พระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชฝ่ายมหานิกาย การที่หายไปจากราชภัฏคณะสงฆ์ไม่ได้สนใจรายละเอียด แต่สนใจที่ผู้ครอบครองขอให้ตั้งสติว่าของเหล่านี้เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่มีอยู่ในโลกอย่าได้ทำลาย ขอให้นำมามอบคืนให้กับแผ่นดินนครศรีธรรมราช เพราะนี่คือประวัติศาสตร์ของนครศรีธรรมราชที่หลงเหลืออยู่
พระครูเหมเจติยาภิบาล พระสงฆ์ผู้ศึกษารวบรวมข้อมูลหนังสือบุดสมุดข่อยของนครศรีธรรมราช เปิดเผยข้อมูลว่า ได้ติดตามข้อมูลหลักฐานในสื่อออนไลน์ แล้วมาสืบข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหนังสือพระมาลัยที่ประกาศขายแล้วเอามาเปรียบเทียบกับภาพข้อมูลเดิม หลังจากนั้นได้ทำหนังสือยื่นไปทางราชภัฏ หลังจากนั้นไปแจ้งความแต่ระยะเวลาทอดยาวมา 3 เดือน เกรงว่าหนังสือที่หายไปคาดว่าหลายร้อยเล่มจะส่งทอดต่อไปหลายมือ การสืบสวนตามกลับเป็นไปได้ยากจึงถือโอกาสขอบิณฑบาตคืนกลับก่อนที่จะหายไปทั้งหมด
นายสุรเชษฐ์ แก้วสกุล สถาปนิกอาสานักวิชาการที่รวบรวมข้อมูลเรื่องนี้พบว่ามีหนับงสือบุดเล่มสำคัญที่หายไปหนึ่งในนั้นคือตำราสีมากถา ที่พบเพียงเล่มเดียวครั้งแรกของภาคใต้ ลักษณะการเขียนการให้สีเป็นช่างฝีมือภาคใต้ แตกต่างกับฉบับของวัดสุทัศน์ ซึ่งน่าเสียดายมาก โดยโชคดีที่มีการบันทึกภาพไว้เมื่อปี 2561 และเมื่อน้ำมาเปรียบเทียบกับที่ปรากฎขายอย่าในตลาดมืดพบว่าตรงกันจนนำไปสู่การสรุปรายงานให้มหาวิทยาลัยราชภัฎไปแจ้งความ
นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ผู้ประสานงานเปิดเผยว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากอาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ท่านได้นำผู้อำนวยการยูเนสโกมาดู ผู้อำนวยการยูเนสโกถึงกับอุทานว่า สังคมไทยที่จังหวัดนี้มีอารยะถึงขนาดนี้เข้าสู่วิถีการอ่านเขียนบันทึกกันขนาดนี้ ท่านเป็นชาวฟิลิปปินส์ท่านบอกว่า ที่ประเทศอื่นการอ่านเขียนช้ามาก ถือเป็นความสำคัญมาก เป็นหลักฐานความมั่งคั่งทางภูมิปัญญา
สำหรับศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2538 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ครั้งยังดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเทพรัตราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศูนย์ศิลปวัฒนธรรมอย่างเป็นทางการ โดยแหล่งข้อมูลภายในได้ให้ข้อมูลว่า ครั้งนั้นได้ทรงพระราชทานหนังสือโบราณไว้จำนวนหนึ่ง โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตรวจสอบว่าหนังสือชุดพระราชทานนั้นยังอยู่หรือไม่ ส่วนที่หายไปนั้นยังไม่มีใครทราบจำนวนที่แท้จริงว่าหายไปมากน้อยแค่ไหน แต่มีการเก็บหนังสือโบราณเหล่านี้ไว้ในศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่งนี้หลายพันเล่มจนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งหนังสือบุดโบราณที่มากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย หรืออาจจะติดจำนวนมากระดับโลก
ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อกับ ดร.ฆณัฐ ธาตุทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่าติดราชการประชุมสภามหาวิทยาลัยนอกสถานที่ที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ยังไม่สามารถให้ข้อมูลในเรื่องนี้ได้ และเมื่อโทรศัพท์ไปยังหมายเลขส่วนตัวปรากฏว่าไม่มีการรับสาย
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ