สาวใหญ่ขี่ย้อนศรคันแรกเพิ่งรู้คู่กรณีตาย เห็นว่ามีอุบัติเหตุ แต่ยังขี่ไปซื้อกับข้าวต่อ
เข้าพบตำรวจแล้ว สาวใหญ่ขี่จักรยานยนต์ย้อนศรคันแรก เป็นเหตุให้ 2 สาวหักหลบชนท้ายรถเก๋ง เจ็บ-เสียชีวิต
จากกรณีเมื่อช่วงเช้าของวานนี้ที่ 18 ก.ค. ที่มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ซึ่งมีหญิงสาวเป็นคนขี่และรถจักรยานยนต์รับจ้างได้ขี่ย้อนศรขึ้นมา ขณะที่มีรถจักรยานยนต์ที่นั่งซ้อนท้ายกันมาขับสวนทางมาและหักหลบ ทำให้เสียหลักพุ่งชนท้ายรถยนต์เก๋งที่จอดอยู่บ้างทาง จนเป็นเหตุให้ นางสาวนุชนารถ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นคนขี่เสียชีวิต ส่วน น.ส.เบญจวรรณอายุ 37 ปี ซึ่งเป็นญาติที่นั่งซ้อนท้ายมา ได้บาดเจ็บสาหัสแขนซ้ายหัก เหตุการณ์ดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้อย่างชัดเจน เหตุเกิดถนนสายลวด มุ่งหน้าแยกจักกะพาก ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (19 ก.ค.) นางสาวจำปา อายุ 50 ปี สาวเสื้อเหลืองที่ขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรคันแรกในวันทีเกิดเหตุ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.พชรธรณ์ นพธัญสวัสดิ์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ เจ้าของคดีเพื่อให้ปากคำ โดยอ้างว่าไม่รู้ว่าเสียชีวิต รู้แต่เพียงว่าได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
นางสาวจำปา เล่าว่า ตนทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่อนามัยตำบลบางเมือง ในวันที่เกิดเหตุตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้านพักในซอยเทียนอุทิศ เพื่อที่จะไปซื้อกับข้าวที่ตลาดปากน้ำ โดยได้ขี่ย้อนศรขึ้นมา เพราะว่ามีคนอื่นขับย้อนมาหลายคันแล้ว ขณะที่ขี่ย้อนศรขึ้นมาถึงที่เกิดเหตุ ได้เห็นผู้ตายขี่รถสวนทางมาด้วยความเร็วและหักหลบเข้าทางด้านซ้าย ตนจึงได้อยู่ทางขวา
พักใหญ่ก็ได้ยินเสียงคล้ายมีรถชนกัน ตนจึงหันไปดูได้พบว่าคู่กรณีทั้งสองที่หักหลบรถตนไปได้ไปชนกับท้ายรถเก๋งที่จอดอยู่ เห็นแต่มีคนเจ็บและมีชาวบ้านเข้ามาช่วยแล้ว ตนจึงได้ขี่รถไปซื้อกับข้าวที่ตลาด และขี่กลับมาจึงได้รู้ว่าทั้งสองบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังไม่ทราบว่าเสียชีวิต
ตนกลับมาจากที่ทำงาน คนที่บ้านบอกว่ามีตำรวจเข้ามาบอกให้ตนมาพบพนักงานสอบสวนที่โรงพัก สภ.เมืองสมุทรปราการ ตนจึงได้เดินทางมาและเพิ่งทราบว่าคนขี่เสียชีวิตแล้ว ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับเพตุการณ์ที่เกิดขึ้น และก็ยอมรับผิดเพราะตนขี่ย้อนศรขึ้นไป
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ แจ้ง 4 ข้อหา 1. ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ไปตามทิศทางที่กฎหมายกำหนด 2.ขับขี่ย้อนศรโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินผู้อื่น 3.ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายสาหัส 4.เป็นผู้ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินจะต้องหยุดให้ความช่วยเหลือ ก่อนควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินคดีต่อไป