จอย-ศิริลักษณ์ เครียดโวยบิ๊กตำรวจ!!!

จอย-ศิริลักษณ์ เครียดโวยบิ๊กตำรวจ!!!

จอย-ศิริลักษณ์ เครียดโวยบิ๊กตำรวจ!!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดาราดัง"จอย-ศิริลักษณ์"เครียดหลังคดีถูกสวมทะเบียนรถไม่เคลียร์โวยตำรวจให้ข้อมูลสื่อคลาดเคลื่อน ทำคนเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับคดี หวั่นไม่ปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวอยู่ในมือคนร้าย หอบหลักฐานมาชี้แจงละเอียด ส่วน "พ่อจอย" เผย มีคนอ้างเป็น จนท.กรมการ ขนส่งทางบก โทรศัพท์ขอเคลียร์ไม่ให้เอาเรื่อง ขณะที่ตำรวจบึงกุ่ม ระบุ "จอย" เป็นผู้เสียหายไม่ใช่คนผิด

ที่สน.บึงกุ่ม เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ก.ย. จอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ดารานักแสดงชื่อดัง พร้อมนายสมคิด ผ่องโชค อายุ 61 ปี บิดา และนางปิยะอร ผ่องโชค อายุ 54 ปี มารดา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุชัย พุ่มไพศาลชัย รองผกก.สส.สน.บึงกุ่ม เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมและนำ เอกสารมายืนยันเกี่ยวกับรถในคดีรถเก๋ง โตโยต้า รุ่นยาริส สีแดง ทะเบียน ศอ 6000 กรุงเทพมหานคร ของจอย-ศิริลักษณ์ ถูกนายก่อเกียรติ สุตัณวณิชกุล อายุ 35 ปี เจ้าของบริษัทสยามเพรสแอนด์มีเดีย จำกัด ใช้ทะเบียนเดียวกันสวมในรถเก๋ง โตโยต้า รุ่นยาริส สีแดง และตำรวจติดตามจับกุมได้

นักแสดงสาวชื่อดัง กล่าวว่า ตนมีเอกสารหลักฐานเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้ายาริส สีแดง ทะเบียน ศอ 6000 กรุงเทพมหานคร ถูกต้องตามกฎหมายครบทุกอย่าง แต่เหตุใดจึงมีการแจ้งให้นำเอกสารเป็นใบเสร็จเสียภาษีมาตรวจสอบเพิ่มเติม เหมือนจะสงสัยว่าตนเป็นเจ้าของป้ายทะเบียนรถดังกล่าวจริงหรือไม่ อีกทั้งยังมีนายตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ยังออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อในทำนองว่าใบเสร็จเสียภาษีรถจะไม่มีการออกซ้ำซ้อน และเมื่อตรวจสอบใบเสร็จที่ออกในปี 51 ของคนร้ายแล้ว ปรากฏเป็นของจริง

จอย-ศิริลักษณ์ กล่าวอีกว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้ตนรู้สึกเสียหาย เพราะอาจทำให้คนอื่นเข้าใจตนผิดได้ว่า สมรู้ร่วมคิดกับคนร้าย ตนจึงอยากจะขอยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับ คนร้ายมาก่อน อีกทั้งไม่รู้จักคนชื่อ "โอ๋" ที่ถูกระบุอยู่ในสำนวนสอบปากคำที่ สน.บางชันว่า เป็นผู้มาต่อทะเบียนรถของตนเมื่อปี 51 ซึ่งตนอยากจะทราบเหมือนกันว่า ตัวละครตัวนี้เป็นใครและมาจากไหน

พ.ต.ท.สุชัย พุ่มไพศาลชัย กล่าวว่า จอย-ศิริลักษณ์ ไม่ใช่ผู้กระทำผิดในคดีนี้ วันนี้ที่เดินทางมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะผู้เสียหายเท่านั้น ส่วนที่นายตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ให้สัมภาษณ์กับสื่อเช่นนั้น ตนไม่ทราบเรื่องใด ๆ มาก่อน

ภายหลังให้ปากคำเพิ่มเติมเสร็จ จอย-ศิริลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย เนื่องจากคนร้ายมีเอกสารของตนอยู่ในมือ ทำให้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับตนทุกอย่าง และหลังจากได้พูดคุยกับตำรวจ ทำให้ทราบเพิ่มเติมว่าคนร้ายใช้บริการบริษัทประกันภัยคนละบริษัทกับตน จึงคาดว่า คนร้ายน่าจะทำเป็นขบวนการ ก็อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าตนไม่ใช่คนผิด เหมือนข่าวที่นำเสนอ ออกไป

นายสมคิด กล่าวว่า ครอบครัวจะดำเนินคดีกับบุคคลที่ออกมาให้ข่าวเสียหายกับลูกตน โดยจะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย อีกทั้งช่วงเช้าวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา มีคนโทรศัพท์มาหาตนโดยอ้างว่ามาจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อไกล่เกลี่ยไม่ให้เอาเรื่องที่มีทะเบียนเหมือนกัน เพราะกรมการขนส่งทางบกจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งตนก็ไม่ได้ตอบตกลงแต่อย่างใด.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook