มาริโอ ยูรอฟสกี : ชีวิตการทำงาน 10 ปีในไทยกับมุมมองที่คนไทยอาจไม่เห็น
มาริโอ ยูรอฟสกี ชื่อนี้ไม่มีแฟนฟุตบอลไทยคนไหนไม่รู้จัก ในฐานะตำนานแข้งชาวต่างชาติ ที่ผ่านการค้าแข้งกับสโมสรฟุตบอลชั้นนำในเมืองไทย หลายสโมสร เป็นเวลายาวนานถึง 8 ฤดูกาลติดต่อกัน
จากวันที่แข้งชาวเซอร์เบียน (ตามถิ่นกำเนิด) เข้ามาสร้างปรากฎการณ์ คว้าแชมป์ไทยลีกแบบไร้พ่าย ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้าร่วมการแข่งขัน ตอนนี้เขาผันตัวเองมาเป็นโค้ชฟุตบอลชุดเยาวชน ให้กับสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะหานักฟุตบอลชาวต่างชาติ ค้าแข้งในเมืองไทย ยาวนานเกือบ 10 ปี และทำงานต่อที่ประเทศไทย แม้จะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ
Main Stand จะพูดคุยกับมาริโอ ยูรอฟสกี ถึงประสบการณ์ ในฐานะชาวต่างชาติคนหนึ่ง ที่เขาได้เรียนรู้ผ่านชีวิตการทำงานในเมืองไทย ที่คนไทยอาจไม่เคยเห็น และสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตการทำงานได้ แม้ไม่ได้เป็นชาวต่างชาติ หรือทำงานเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ก่อนจะมาเล่นฟุตบอลที่เมืองไทย คุณรู้จักประเทศไทยมากแค่ไหน
ผมพูดตามตรงว่า ผมไม่เคยมีความคิดจะมาเล่นฟุตบอล หรือมาทำงานที่เมืองไทย
ก่อนหน้านั้น ผมเคยมีความคิดจะมาเที่ยวประเทศไทยได้หาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยไว้บ้าง เคยดูหนังเกี่ยวกับประเทศไทย อย่างเรื่อง The Beach (เดอะ บีช) กับ The Hangover Part II (เดอะ แฮงโอเวอร์ ภาค2) แต่มันก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายผมไม่ได้มาเที่ยวที่เมืองไทย และผมไม่ได้อยากย้ายออกจากยุโรป
ในความคิดของนักฟุตบอลจากเซอร์เบีย หรือในกลุ่มประเทศยูโกสลาเวีย (ประเทศเดิมของประเทศเซอร์เบีย ก่อนจะทำการแยกประเทศออกมาเป็นหลายประเทศ เช่น เซอร์เบีย, มาซีโดเนีย, โครเอเชีย เป็นต้น)รวมถึงพวกนักบอลยุโรป ไม่มีใครอยากออกมาค้าแข้งนอกทวีปหรอก เพราะมันดูเป็นการก้าวถอยหลังในอาชีพการแข้ง
ผู้เล่นชาวเซอร์เบียน ล้วนมีความฝัน ที่อยากจะไปเล่นในฟุตบอลลีกใหญ่กว่าอย่าง อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี หรือสเปน ทั้งนั้น
ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณถึงย้ายมาเล่นที่เมืองไทย
ผมพูดผ่านสื่อไปหลายครั้งแล้วว่า เหมือนโชคชะตาลิขิต หรือเป็นโชคดีของผม ที่ทำให้ผมได้มาที่นี่
ตอนนั้นผมเจอปัญหาหลายอย่างกับการค้าแข้งในยุโรป ที่ประเทศยูเครน และช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2011 ผมได้รับข้อเสนอจากประเทศไทยเข้ามา อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้อยากมาเล่นฟุตบอลที่ไทย
แต่ที่ยูเครนมีปัญหาหลายอย่าง สโมสรมีปัญหาเรื่องเงิน ลีกหยุดแข่งขัน การเล่นฟุตบอลที่นั่น เต็มไปด้วยความกดดัน ผมจึงลองย้ายมาเล่นที่เมืองไทย
คุณกังวลไหม กับการย้ายมาเล่นฟุตบอลที่ห่างไกลจากบ้านเกิด มาเล่นฟุตบอลในลีกที่ไม่ได้อยากมาเล่น
ไม่ ผมไม่กังวล แม้ว่าในตอนแรก การย้ายมาเล่นฟุตบอลที่เมืองไทย จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นเรื่องปกติของนักฟุตบอล ชีวิตวันนี้อาจจะดี พรุ่งนี้อาจจะไม่ดีก็ได้
ถ้าคุณเป็นนักฟุตบอล ต้องรู้จักเรียนรู้ เติบโตอยู่ตลอด เมื่อถึงจุดหนึ่งในชีวิต คุณต้องมองหาความเปลี่ยนแปลงในชีวิต อาจหมายถึงการย้ายออกจากประเทศ ย้ายจากถิ่นฐานบ้านเกิด
ตัวผมมาอยู่ในจุดที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ผมต้องการหาชีวิตที่ดี ชีวิตที่มีความสุขให้กับตัวเอง และครอบครัว ผมจึงยอมมาท้าทายตัวเอง เล่นฟุตบอลที่เมืองไทย
ในฐานะคนต่างชาติ การปรับตัวในเมืองไทยเป็นเรื่องยากหรือไม่
ผมปรับตัวง่ายนะ กับฟุตบอลไทย วัฒนธรรมไทย ไม่ได้ยากแบบที่หลายคนคิด เพราะผมมองว่าประเทศไทย มีหลายอย่างคล้ายกับที่เซอร์เบีย คล้ายกับที่เบลเกรด (เมืองหลวงของประเทศเซอร์เบีย)
ถ้าพูดถึงเรื่องวัฒนธรรม ที่นี่ไม่ได้เหมือนกับที่เซอร์เบีย แต่เรื่องนิสัยใจคอ ผมมองว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ พูดให้เห็นภาพ ผมคิดว่าคนเซอร์เบีย ไม่ได้ต่างจากคนบราซิล พวกเราปรับตัวง่าย ไม่มีปัญหากับการปรับตัวในสังคมใหม่
หลายคนอาจจะบอกว่า คนเซอร์เบียหรือยูโกสลาเวีย เป็นคนเข้มงวด จริงจัง ผมไม่เห็นด้วยกับคำนี้ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า สำหรับผมคนเซอร์เบีย สามารถใช้ชีวิตแบบ “สบายๆ” (พูดเป็นภาษาไทย) แต่ในขณะเดียวกัน ต้องทำงานจริงจังอย่างมืออาชีพ
ผมไม่แปลกใจที่คนจากกลุ่มประเทศยูโกสลาเวีย จะเข้ามาประสบความสำเร็จในฟุตบอลไทย ไม่ว่าจะเป็นโค้ชหรือนักเตะ เพราะว่าคนไทย นักฟุตบอลไทย ก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาไม่ต้องการจะประสบความสำเร็จ ไม่มีความทะเยอทะยานอยู่ในตัว
คล้ายกับที่เซอร์เบีย แม้เป็นชาติขนาดเล็ก แต่เต็มไปด้วยนักฟุตบอลฝีเท้าดี ไปเล่นในลีกดังของยุโรป อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี สเปน เพราะพวกเราเต็มไปด้วยความฝัน ไม่ต่างอะไรกับ นักฟุตบอลไทยไปเล่นที่ญี่ปุ่นในตอนนี้
คุณประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว กับการย้ายมาเล่นฟุตบอลที่เมืองไทย อะไรคือเคล็ดลับของคุณ
มีเหตุผลหลายปัจจัย ถ้าคุณถามถึงเคล็ดลับ ผมจะเล่าถึงเรื่องหนึ่งให้ฟัง ผมเห็นนักฟุตบอลต่างชาติจำนวนมาก ล้มเหลวในประเทศไทย เพราะพวกเขาไม่รู้จักวางตัวให้เหมาะสม
ปัจจัยหลักที่ทำให้นักฟุตบอลล้มเหลวที่นี่ เพราะพวกเขาย้ายมา คิดว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์สตาร์ เป็นนักเตะต่างชาติ ค่าเหนื่อยแพง วางตัวใหญ่ในห้องแต่งตัว เต็มไปด้วยอีโก้ คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ ผมบอกได้เลยว่า คุณเจอปัญหาแน่นอน
ผมเล่าประสบการณ์ของผมให้ฟัง ตอนผมย้ายมาอยู่ที่เมืองทองฯ ปี 2012 ผมรู้ว่าตัวเองเก่ง ผมเป็นนักเตะต่างชาติ ผมค่าเหนื่อยแพง แต่สิ่งที่ผมต้องเจอ ผมย้ายมาร่วมทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะทีมชาติไทย เป็นนักเตะระดับตำนานของไทยลีก และพวกเขามีอำนาจในห้องแต่งตัว
สิ่งที่ผมต้องทำ คือการพยายามทำตัวให้สงบเสงี่ยมมากที่สุด ไม่วางตัวกร่าง ทำตัวเป็นขาใหญ่ หลังจากนั้นคุณค่อยพิสูจน์ตัวเองในสนามซ้อม ในสนามแข่ง ให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำแบบนั้น
สำหรับผม ฟุตบอลเท่ากับงานที่ผมต้องทำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราทำไปแบบส่งๆ เราต้องทำงานอย่างมืออาชีพ เต็มความสามารถ ในฐานะนักฟุตบอล เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างเต็มที่
คุณจำเป็นจะต้องคำนึงถึงเพื่อนร่วมทีมด้วย เพราะถ้าคุณมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับเพื่อนร่วมทีม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะทำผลงานได้ดี เมื่อคุณทำผลงานไม่ดี แฟนบอลจะไม่สนับสนุนคุณ หลังจากนั้นคุณจะเสียงานของคุณไป
ฟุตบอลคืองาน แต่ในอีกแง่หนึ่ง คนต่างชาติอย่างเรา จะคิดว่าเรามาอยู่เมืองไทย เพื่อทำงานอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเรียนรู้ ศึกษาคนไทย วัฒนธรรมไทย เพราะสุดท้ายพวกเขาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา ผมพยายามที่จะเรียนรู้ และเข้าถึงตัวตนของคนไทย ซึ่งนักฟุตบอลหลายคนไม่ทำแบบนี้
สำหรับคนต่างชาติ การเป็นนักฟุตบอลในเมืองไทย ทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์เท่ากันทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าจากจุดนั้น คุณวางตัว หาที่ยืนให้กับตัวเองในห้องแต่งตัวอย่างไร
สามารถพูดได้ไหมว่า คนไทยไม่ชอบทำงานกับคนอีโก้สูง
ผมพูดแบบนี้แล้วกัน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก ในวงการฟุตบอล ไม่ว่าคุณจะไปเล่นฟุตบอลที่ไหน คุณต้องปรับตัวเองให้เข้ากับนักฟุตบอลท้องถิ่น ปรับตัวกับวัฒนธรรม ไม่ใช่รอให้เขาปรับตัวให้เขากับคุณ
เพราะนักฟุตบอลท้องถิ่น พวกเขาจะสร้างเกาะป้องกันตัวเอง เพื่อรักษาพื้นที่ของตัวเอง สำหรับคนต่างชาติ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว
อาชีพนักฟุตบอลไม่ใช่เรื่องง่าย คุณมักเจอปัญหาการทำงานในห้องแต่งตัวอยู่ตลอด เพราะในโลกของฟุตบอล คุณอยู่ในทีมที่มีผู้ชายอย่างน้อย 22 คนเป็นเพื่อนร่วมงาน และทุกคนคิดว่าตัวเองเก่ง ดีพอที่จะได้ลงสนาม
ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนหรอกคิดว่า “เราเก่งไม่พอ ไม่ได้ลงสนามก็ไม่เป็นไร” ไม่มีทาง ทุกคนล้วนคิดว่า “เราต้องได้ลงเล่น”
ผมพูดตามตรงว่า ผมไม่ได้มีเพื่อนเยอะ ในวงการฟุตบอล ผมไม่ได้มองว่าทุกคนจะต้องมาเป็นเพื่อนกับผม แต่ทุกคนคือเพื่อนร่วมงาน
สิ่งที่เราต้องทำ คือ ทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ ทำงานให้เต็มที่ที่สุด ผมไม่จำเป็นต้องออกไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมทีม แต่เราจำเป็นต้องทำงานของเราให้ดี รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ไม่ไปสร้างปัญหาให้กับใคร
คุณเจอปัญหากับการทำงานในเมืองไทยบ้างไหม
ผมมีปัญหากับโค้ชแทบทุกคนตอนเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ไม่ว่าจะเล่นที่ไหน 90 เปอร์เซ็นต์ ผมมีปัญหากับพวกเขา
แต่ว่าสำหรับผมคือเรื่องปกติ และผมไม่สนว่าผมมีปัญหากับโค้ชมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายผมจะลงไปเล่นฟุตบอลอย่างเต็มที่ และสุดความสามารถ เพราะนั่นคือหน้าที่ของผม
นอกจากจะประสบความสำเร็จ กับอาชีพนักฟุตบอลในเมืองไทย คุณค้าแข้งในเมืองไทยยาวถึง 8 ปี เหตุใดจึงเป็นแบบนั้น
มีเหตุผลหลายอย่าง ที่ผมสามารถบอกได้ว่า ผมโชคดี หรือชะตาลิขิตให้เป็นแบบนั้น
ผมประสบความสำเร็จรวดเร็ว มีแฟนบอลที่รักผม ให้การสนับสนุนผม ผมได้รับความเคารพจากทั้งทีมฟุตบอล และแฟนบอลในลีก แม้กระทั่งเวลาผมไปเล่นฟุตบอลที่ท่าเรือ หรือชลบุรี แฟนบอลฝ่ายตรงข้ามปฏิบัติตัวกับผมเป็นอย่างดี ทำให้ผมใช้ชีวิตในฐานะนักฟุตบอลได้ง่ายขึ้นในเมืองไทย
ที่ผมบอกว่าผมโชคดี เพราะผมมองว่า นักฟุตบอลต่างชาติ ที่ได้รับความรักจากแฟนบอลชาวไทย เหมือนที่ผมได้รับในปัจจุบัน มีจำนวนน้อย เพราะคนไทยชอบนักฟุตบอลที่ดุดัน อารมณ์ร่วมกับเกมสูง มีพลังงาน พยายามที่จะสื่อสารกับพวกเขาในสนาม
แต่นักฟุตบอลต่างชาติในไทยตอนนี้ ส่วนใหญ่พวกเขาจะเงียบขรึม ไม่แสดงพลังออกมาเท่าใดนัก เวลาเล่นฟุตบอล บุคลิกแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปในใจของแฟนบอลชาวไทย
ผมคิดว่า ตัวผมเองเหมาะกับฟุตบอลไทยอยู่ไม่น้อย ฟุตบอลไทยไม่ได้ซ้อมหนักจนเกินไป โค้ชรับฟังนักเตะ ไม่เหมือนที่เซอร์เบีย โค้ชจะมีสิ่งที่เขาต้องการ และพวกเขาพยายามทำทุกทาง ให้นักเตะทำงานในแบบที่เขาต้องการให้ได้ ซึ่งผมไม่ชอบวิธีการทำงานแบบนั้น
สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้ จากการทำงานในเมืองไทย ผมมองว่าแท้จริงคนไทยชอบการพูดคุยถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ผมมองว่าเรื่องนี้ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น และผมมองว่าเป็นเรื่องสำคัญกับการทำงานในไทย ที่จะพูดคุยถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมา
ผมคิดว่าทั้งนักเตะและโค้ชต่างชาติบางคน เจอปัญหากับการทำงานในเมืองไทย เพราะไม่กล้าพูดถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมา พวกเขาเจอปัญหา แต่กลัวว่าจะกระทบกับหน้าที่การงาน พวกเขาจึงเก็บปัญหาเอาไว้ เพราะกลัวว่าพูดไปแล้วจะโดนไล่ออก ซึ่งไม่ดีกับการทำงานในระยะยาว เป็นเรื่องที่ผิด
สิ่งที่นักฟุตบอลต่างชาติต้องทำ คือทำงานอย่างมืออาชีพ ทำงานตามหน้าที่ เมื่อทำงานไปสักพัก คุณจะรู้เองว่า คุณเหมาะกับที่นี่ไหม เจอปัญหาอย่างไร จะแก้ไขอย่างไร สุดท้ายเราอาจจะพบทางที่ดี หรือทางที่ไม่ดี เราต้องยอมรับ และแก้ไข
แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องไม่พยายามสร้างปัญหา ตัวผมไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากมาย สุดท้ายเราต้องรู้ว่า หน้าที่ของเราคืออะไร เราอยู่ตรงไหนในทีมฟุตบอล
คุณมีชีวิตที่ดีกับการทำงานในเมืองไทย คุณเคยคิดจะย้ายไปเล่นฟุตบอลนอกเมืองไทยไหม
ตอนปี 2013 ผมเคยได้รับข้อเสนอจากประเทศญี่ปุ่น และมีการพูดคุยอย่างจริงจัง
แน่นอนว่าผมรู้ถึงสไตล์การทำงานของคนญี่ปุ่น และผมพูดคุยกับพวกเขาว่า พวกเขามีแนวทางการทำงานอย่างไร
ผมมานั่งคิดว่า ผมต้องการอะไร และผมรู้ดีว่า ผมมีความสุขกับการเล่นฟุตบอลที่เมืองไทย ถึงจะได้เงินน้อยกว่า แต่ถ้าคุณมีความสุขกับการทำงาน คุณไม่จำเป็นต้องย้ายออกไป ผมรู้ว่าประเทศไทย คือประเทศที่เหมาะกับผม ในฐานะนักฟุตบอล
การกลับไปเล่นในทวีปยุโรป?
ถ้าเป็นยุโรปผมคิดถึงตลอดนะ ยอมรับว่ามีเสียดายบ้างที่ไม่ได้กลับไป แต่ว่ามีนักฟุตบอลหลายคน ที่ย้ายกลับไปเล่นที่ยุโรป ไปเล่นลีกใหญ่ สุดท้ายพวกเขาหายไป ในขณะที่ผมมองว่า ผมเล่นในเมืองไทย ก็มีความสุข และประสบความสำเร็จอยู่แล้ว
ผมคิดว่าการเป็นนักฟุตบอล และได้เล่นฟุตบอลอยู่ในประเทศไทยยาวนานหลายปี ถือว่าอาชีพนักฟุตบอลประสบความสำเร็จแล้ว
ตอนนี้คุณแขวนสตั๊ด เลิกเล่นฟุตบอล ทำไมคุณยังทำงานเป็นโค้ชฟุตบอลที่ประเทศไทยต่อไป
พูดตามตรงว่าผมไม่ได้คิดอยากแขวนสตั๊ด แต่เมื่อร่างกายผมบาดเจ็บ ไม่สามารถเล่นฟุตบอลได้อีกต่อไป ผมต้องยอมรับ และผมยังอยากทำงานกับฟุตบอลต่อไป ผมจึงเลือกมาเป็นโค้ช
ผมมีทางเลือกทั้งการกลับไปทำงานที่เซอร์เบีย และประเทศไทย เมื่อเมืองทองยื่นโอกาสเข้ามาให้กับผม ผมไม่ปฏิเสธที่รับมันไว้
ผมมองว่าตัวเองเหมาะกับการที่จะทำงานเมืองไทยมากกว่า ผมทำงานที่นี่มายาวนาน จนคุ้นชินไปแล้ว ผมรักประเทศของผมนะ ผมคิดถึงมาก เพราะที่นั่นคือบ้านเกิดของผม แต่กับชีวิตการทำงาน ในวงการฟุตบอล ผมอยากทำงานที่เมืองไทยเท่านั้น
มีอีกหลายอย่างที่ผมอยากจะทำ ในฐานะโค้ชให้กับฟุตบอลไทย ผมคิดว่าผมจะทำงานในฐานะโค้ชฟุตบอลที่ประเทศไทยไปอีกนาน