"จิมูเอล ปาเกียว" : ลูกไม้ที่อยากอยู่ใต้ต้นของคุณพ่อ
“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” คือสุภาษิตที่หมายความว่า ลูกย่อมไม่แตกต่างไปจากพ่อแม่ แม้ว่าเส้นทางที่คนสองวัยเลือกเดินในตอนแรก จะแตกต่างกันสักแค่ไหน สุดท้ายต้องมาบรรจบที่ถนนเดียวกันทุกครั้งไป
สำหรับ แมนนี่ ปาเกียว ตำนานมวยแชมป์โลกชาวฟิลิปปินส์ ความต้องการเดียวที่ตัวเขามีต่อลูกชายสุดที่รัก จิมูเอล ปาเกียว คือ “ต้องไม่เป็นนักมวย” บาดแผลและความยากลำบาก บนเวทีพื้นผ้าใบ คือสิ่งที่แมนนี่ไม่ต้องการให้ทายาทคนใดของเขาได้สัมผัส
หากแต่จิตวิญญาณนักสู้ที่ส่งผ่านทางสายเลือด ชักพาให้ จิมูเอล เดินตามรอยเท้าพ่อ แม้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวอย่างที่ตั้งใจ ผลงานของจิมูเอลดีแค่ไหน? แล้ว แมนนี่ ปาเกียว ตอบรับความฝันของลูกชายอย่างไร?
ติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวปาเกียวไปพร้อมกัน...
เดินตามรอยพ่อ
เอ็มมานูเอล ปาเกียว จูเนียร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ จิมูเอล ปาเกียว เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 2001 เขาคือลูกคนโตจากทั้ง 5 คนของ แมนนี่ ปาเกียว นักมวยดีกรีแชมป์โลกชาวฟิลิปปินส์
ด้วยชื่อเสียงของพ่อ จิมูเอล ได้รับความสนใจจากสื่อตั้งแต่เด็ก เขาเริ่มต้นเส้นทางของตัวเองในวงการบันเทิง จากการประกอบอาชีพนายแบบ และได้คบหากับดาราสาวชาวฟิลิปปินส์ที่ชื่อว่า เฮเว่น ปาราเลโฮ
เส้นทางชีวิตของจิมูเอลในช่วงวัยรุ่น ที่ดูเหมือนจะสวนทางกับผู้เป็นพ่อ เป็นไปตามความต้องการของ แมนนี่ ปาเกียว เขาและภรรยา จินนี่ ปาเกียว ไม่ต้องการให้ลูกชายขึ้นไปเจ็บตัวบนเวทีมวยเลยแม้แต่น้อย
เจ้าของฉายา “แพคแมน” เคยออกสัมภาษณ์กับสื่ออย่างชัดเจนด้วยซ้ำว่า ต้องการให้ลูกชายเรียนกฎหมาย แทนที่จะมาสวมนวมต่อยมวยแบบเขา
หากแต่ วงการบันเทิง และ วิชากฎหมาย ไม่ใช่ความสนใจที่แท้จริงของจิมูเอล เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาประกาศอย่างชัดเจนว่าต้องการหันหน้าเข้าสู่วงการมวยสากล แม้จะเป็นเส้นทางที่แตกต่างจากบิดาของตัวเองก็ตาม
“จริงๆ แล้ว ผมต้องการไล่ตามความฝันในกีฬามวยสากล ผมต้องการเป็นนักชกสมัครเล่น แล้ววันหนึ่งผมจะเป็นตัวแทนของชาติในโอลิมปิก ผมต้องการสร้างชื่อเสียงให้แก่ตัวเอง” จิมูเอลสัมภาษณ์ถึงความสนใจในกีฬามวยสากลกับ The Manila Times
“ผมชอบการชกมวย ผมรู้ดีว่ามันยาก และผมก็รู้ตัวเองเหมือนกันว่า ผมไม่จำเป็นต้องทำมัน แต่ตามที่ผมได้กล่าวไปแล้ว ว่าผมต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ถึงจะไม่ใช่ในฐานะนักมวยอาชีพก็ตาม”
เนื่องจากต้องการขึ้นชกในระดับสมัครเล่น ที่มีหลายสิ่งแตกต่างไปจากมวยอาชีพแบบ แมนนี่ ปาเกียว จิมูเอลจึงฝึกซ้อมและหาลู่ทางแสดงฝีมือด้วยตัวเอง เขาได้โอกาสขึ้นชกไฟต์แรกในชีวิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในการแข่งขันมวยโชว์ 2 ยก เจอกับ ลูคัส คาร์สัน นักมวยสมัครเล่น ที่เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันกับจิมูเอล
ไฟต์แรกของจิมูเอล ได้รับความสนใจจากแฟนมวยทั่วโลก มีคนดูคลิปผลงานการชกของเขาในเฟซบุ๊กไปแล้วกว่า 2 ล้านครั้ง เขาเองทำผลงานได้น่าประทับใจ จิมูเอลแสดงให้เห็นถึงสไตล์การชกที่ดุดัน และเรียกเสียงเชียร์ดังลั่นจากผู้ชม หลังใช้หมัดซ้ายผสานกับฮุคขวา เล่นงานคู่แข่งจนร่วงไปกองกับพื้น
น่าเสียดายที่หมัดของจิมูเอลยังไม่มีน้ำหนักมากพอ คู่แข่งของเขาลุกขึ้นมาได้ก่อนกรรมการนับสิบ และเมื่อเขาสู่ยกที่สอง จิมูเอลแสดงให้เห็นถึงอาการอ่อนแรง ผลจบลงด้วยการเสมอ และจิมูเอลยังต้องรอชัยชนะนัดแรกของตัวเองต่อไป
คำคัดค้านจากครอบครัว
“หลังจบแมตช์โชว์แรก ผมตระหนักได้ทันทีเลยว่า มันถึงเวลาที่ผมต้องโฟกัสไปยังการฝึกซ้อมอย่างจริงจังแล้ว” จิมูเอลกล่าวถึงบทเรียนที่ได้รับจากไฟต์แรก
จิมูเอลแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในเส้นทางหมัดมวย ด้วยการเดินทางสู่นครลอส แอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อฝึกฝนกับ เฟรดดี โรช โค้ชคู่บุญของแมนนี่ ปาเกียว ก่อนการชกไฟต์ต่อไปที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“มันทำให้ผมเจ็บปวดเหมือนกันที่เห็นเขาต่อยมวย เพราะผมรู้ว่ามันยากแค่ไหน” แมนนี่ ปาเกียว กล่าวถึงความคิดเริ่มแรกต่อการตัดสินใจของลูกชาย
หลัง แมนนี่ ปาเกียว รู้ว่า ลูกชายคนโตของตัวเอง ต้องการเดินบนเส้นทางแบบเดียวกันกับที่ตัวเองเคยเดินมาก่อน เขาและภรรยาคัดค้านหัวชนฝา ทั้งคู่พยายามเกลี่ยกล่อมลูกชายหลายครั้ง ให้เปลี่ยนใจและเลือกเส้นทางชีวิตในรูปแบบอื่น
“เราบอกเขาไปแล้วว่าการชกมวยมันยาก และเป็นงานที่หนัก คุณจำเป็นต้องทำงานหนัก ฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ และมีระเบียบวินัย เราพยายามทำให้เขาหมดกำลังใจในการชกมวยด้วยซ้ำ”
“ผมเข้าสู่วงการมวยเพราะว่าผมจน เราไม่มีอะไรเลยตอนนั้น ผมจึงมีภาระให้ชกมวย แต่สำหรับเขา มันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป ผมสงสัยว่า เขาจะหาแรงจูงใจมาชกมวยได้อย่างไร ในเมื่อชีวิตเขาตอนนี้โอเคแล้ว มันเป็นคำถามใหญ่สำหรับผม และมันคือเหตุผลที่เราต้องสำรวจเขาอย่างใกล้ชิด”
“ผมบอกเขาไปว่า แกน่าจะไปโรงเรียน หรือบริหารธุรกิจที่เรามี จิมูเอลตอบผมกลับมาว่า จะให้เขาไปทำอะไร ในเมื่อการชกมวยเป็นแพชชั่นของเขาเหมือนกัน เขาต้องการจะเป็นตัวแทนของชาติในฐานะนักกีฬาคนหนึ่ง”
“แม่ของเขาร้องไห้หลายครั้ง บอกกับเขาตลอดว่า อย่าไปชกมวยเลยลูก แต่เขายืนกรานว่าเขาต้องการจะทำมัน นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องการ สุดท้ายเราเลยบอกว่า โอเค เราจะสนับสนุน แต่เราจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด”
แมนนี่ ปาเกียว ทำตามคำพูดที่ตัวเองได้กล่าวไว้ เขาลงทุนเดินทางไปติวเข้มจิมูเอลด้วยตัวเอง เขาเฝ้ามองการออกหมัดของลูกชายอย่างตั้งใจ และพูดคุยถึงสิ่งที่ต้องแก้ไข เพื่อทำให้จิมูเอลเติบโตเป็นนักมวยที่ฝีมือดีไม่แพ้กัน
การฝึกซ้อมอย่างหนัก จากความตั้งใจของตัวเอง และการฝึกสอนของพ่อ กลับมาตอบแทนจิมูเอลอย่างคุ้มค่า เขาเอาชนะการชกไฟต์ที่สองเหนือ มิกูเอล อีแกน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
หลังการแข่งขันผ่านไปเพียงสองยก ด้วยหมัดซ้ายและฮุคขวา คอมโบเดิมที่เขาเคยใช้ในไฟต์แรก ที่คราวนี้ จิมูเอลฝึกฝนมาดีพอ จนสามารถน็อคคู่แข่งของเขาลงนับสิบได้ในที่สุด
“จิมูเอลส่งข้อความถึงพ่อและแม่ของเขา : ผมชนะ !!!” ข้อความในอินสตาแกรมของ ไดแอน กาสติเยโฆ่ สมาชิกทีมปาเกียว ที่บันทึกหมัดน็อกแรกของจิมูเอลเอาไว้
ไม่ขอทาบรอยเท้า
จิมูเอลขึ้นชกไฟต์ที่สามของตัวเองในเดือนมิถุนายน พบกับ ดาเรล มาร์เกวซ ในการชกแบบ 3 ยก แม้จะพลาดโอกาสน็อคคู่ต่อสู้แบบไฟต์ก่อนหน้า แต่จิมูเอลยังคว้าชัยชนะได้ด้วยคะแนน 30-24 และรักษาสถิติไร้พ่ายของตัวเองต่อไป
ขณะที่จิมูเอลกำลังไปได้สวยในจุดเริ่มต้นอาชีพ แมนนี่ ปาเกียว กลับขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้งในช่วงบั้นปลายอาชีพ เมื่อเสือเฒ่าวัย 40 ปี เอาชนะ คีธ เธอร์แมน คว้าซูเปอร์แชมป์โลก WBA รุ่นเวลเตอร์เวตมาครองได้สำเร็จ
กว่า แมนนี่ ปาเกียว จะทำสถิติแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวต อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทุกการฝึกซ้อมของเขาอยู่ในสายตาของจิมูเอล นอกจากจะได้เรียนรู้บทเรียนหลายอย่างจากพ่อ จิมูเอลยังเปิดอกอย่างตรงไปตรงมา ว่าเขาคิดเห็นอย่างไร ถึงเส้นทางอาชีพของ แมนนี่ ปาเกียว ในตอนนี้
“สำหรับผม จริงๆ พ่อควรจะหยุดชกมวยได้แล้ว ผมหมายถึง เขาอายุ 40 และเขาไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ตัวเองอีก เขาคือตำนานของวงการมวยไปแล้ว” จิมูเอลกล่าวถึงความเห็นของตัวเองที่มีต่อคุณพ่อ
“อย่างไรก็แล้วแต่ ผมจะสนับสนุนเขาในทุกสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าทางเลือกของเขาจะเป็นอะไรก็ตาม”
คำกล่าวของจิมูเอลนั้นถูกต้อง แมนนี่ ปาเกียว ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกต่อไป หากแต่เป็นจิมูเอลเอง ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองตัวเองในฐานะ “ลูกชายของ แมนนี่ ปาเกียว”
ความสำเร็จทุกอย่างของตำนานมวยชาวฟิลิปปินส์ คือเครื่องหมายคำถามที่จะติดตัว จิมูเอล ปาเกียว ไปตลอดชีวิต สถิติไร้พ่ายในการชกสามไฟต์ของจิมูเอล ไม่มีคุณค่าใดหากเทียบกับความสำเร็จของพ่อ แน่นอนว่าจิมูเอลรู้เรื่องดังกล่าวดี
แต่แทนที่จะวิตกกังวลไปกับข้อกังขา และเสียงวิจารณ์ที่อาจตามมาหากเขาไปไม่ถึงความสำเร็จเดียวกัน จิมูเอลไม่นำคำพูดเหล่านั้นเหล่านั้นมาใส่ใจ และขอเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง
“ผมเชื่อว่าไม่มีใครสามารถก้าวไปอยู่ระดับเดียวกับพ่อได้ เขาคือแชมป์โลก 8 รุ่น แต่ตัวผมเองก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้แบบนั้น” จิมูเอลกล่าวถึงเป้าหมายของตัวเองในอนาคต
“ทุกสิ่งที่ผมต้องการ คือขึ้นชกในฐานะนักมวยสมัครเล่น แต่ถ้าวันหนึ่งผมมีโอกาสก้าวไปสู่ระดับอาชีพ แน่นอนว่าผมจะก้าวไปสู่ตรงนั้นแน่นอน”
ลูกไม้ที่ตกไม่ไกลต้น ไม่ใช่ทุกครั้งที่ลูกไม้เหล่านั้นจะเติบโตออกมาสวยงามแบบต้นพ่อ ไม่มีใครรู้ว่าจิมูเอลจะประสบความสำเร็จได้มากแค่ไหนบนผืนผ้าใบ
แต่ไม่ว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน สำหรับ แมนนี่ ปาเกียว แล้ว มันไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อย เขาพูดอย่างเต็มปากในตอนนี้ว่า เขาพร้อมสนับสนุนลูกชาย ในฐานะนักมวยคนหนึ่ง และเชื่อมั่นว่า จิมูเอล จะประสบความสำเร็จในฐานะแชมป์โลก แบบที่เขาทำได้อย่างแน่นอน
“ผมสนับสนุนลูกชายของผมในทุกความตั้งใจของเขา ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งใดก็ตาม”
“มวยสากลเป็นกีฬาที่ยาก แต่ผมเชื่อมั่นว่าลูกชายของผม มีความสามารถที่จะก้าวไปเป็นแชมป์โลก ถ้าเขามุ่งหน้าและตั้งใจอย่างเต็มที่ไปกับมัน” แมนนี่ ปาเกียว กล่าวทิ้งท้าย ถึงบทเรียนสำคัญที่เขาฝากไว้ให้ลูกชายของตัวเอง
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ