สมควรหรือไม่? นักท่องเที่ยวถ้ำนาคา เอามือลูบไปบนหินทราย เสี่ยงต่อการเสื่อมโทรมของธรรมชาติ
กลายเป็น Talk of the Town ไปในชั่วข้ามคืน สำหรับแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนที่เพิ่งจะถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับถ้ำนาคา ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งหลังจากที่มีการเผยแพร่ต่อๆ กันไปในโลกออนไลน์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศเดินทางเพื่อมาเยี่ยมชมถ้ำนาคาแห่งนี้ด้วยตาตนเองอย่างมากมายแทบจะทุกวัน
จนทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ถ้ำนาคา Fever หลายๆ สำนักข่าวได้เดินทางไปไปทำข่าว ทั้งสื่อออนไลน์ และทีวี วิทยุ ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ซึ่งผลลัพธ์ ที่ตามมานั้นนอกจากด้านดีที่เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศแล้ว อีกด้านหนึ่งของความรุ่งเรืองนั้น ยังมีสิ่งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนของสถานที่แห่งนี้ต้องช่วยกันรับมืออยู่
นั่นก็คือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของนักท่องเที่ยว ความเปลี่ยนแปลงของปริมาณนักท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่เฉียบพลัน ส่งผลให้ขาดการรับมือที่ถูกต้อง เราจึงได้เห็นภาพของนักท่องเที่ยวหลายๆ คนนำมือลูบไล้ไปตามผนังหินทรายและบริเวณส่วนหัวของหินพญานาค ตามความเชื่อของคนบางกลุ่มว่าจะทำให้มีโชคมีลาภ หรือได้เลขเด็ดกลับบ้านเป็นของฝาก ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความเชื่อที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากแต่ต้องปรึกษาและวางแผนการในการรับมือ วางกฎข้อห้ามอย่างชัดเชน และจัดสถานที่การเข้าเยี่ยมชมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ
ในกรณีนี้การที่นักท่องเที่ยวจับต้องและลูบไล้ไปตามหินทรายนั้น หากเป็นการกระทำจากคนแค่หนึ่งคนคงจะไม่เป็นอะไร แต่อย่าลืมว่าในแต่ละวันนั้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเพื่อมาเยี่ยมชมถ้ำนาคาแห่งนี้เป็นจำนวนมาก 100 คนก็ 100 มือ 1,000 คนก็ 1,000 มือ เพราะฉะนั้นการกระทำเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อธรรมชาติอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนผิดรูปของตัวหิน หรืออาจเกิดการแตกหัก พังทลายของชั้นหิน ก็เป็นได้
จากเหตุผลที่กล่าวมานี้ Sanook Travel ขอร่วมรณรงค์ให้มีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และจัดการกับแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นสมบัติของชาติอย่างมีระบบ และหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้นักท่องเที่ยวทุกคนจะมีความเข้าใจในการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเช่นนี้กันมากขึ้น และดื่มด่ำกับความสวยงามของธรรมชาติผ่านทางสายตา แต่เว้นไว้ซึ่งการสัมผัสเพราะจะส่งผลเสียต่อธรรมชาติในอนาคต เพื่อที่ความงดงามที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์มานี้ จะได้อยู่คู่กับประเทศไทยของเราไปจนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป