MAZDA2 SEDAN เจาะใจ 2 ซีดาน
หลังจากพาท่านผู้อ่านทำความ รู้จักกับมาสด้า2 ซีดาน กันไปครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อคราวที่ลงไปทดสอบกันถึงจังหวัดกระบี่ ซึ่งตอนนั้นก็เป็นการทดสอบครั้งใหญ่ครั้งแรกของกลุ่มผู้สื่อข่าว หลังจากมาสด้า2 ซีดาน เปิดตัวกันไปในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ผ่านมา โดยในคราวนั้นการทดสอบจะไปเน้นหนักอยู่ที่มาสด้า2 รุ่นเกียร์อัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลของรุ่นเกียร์ธรรมดายังไม่ได้รับการเก็บรายละเอียด มาในครั้งนี้เราได้นำมาสด้า2 ซีดาน ทั้งในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ รุ่นท็อป และรุ่นเกียร์ธรรมดา ที่ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในตระกูลมาสด้า2 มาทำการทดสอบ เพื่อรายงานผลให้ท่านผู้อ่านได้รับข้อมูลกัน
มาสด้า2 ซีดาน ได้รับการเปิดตัวด้วยความเร้าใจจากระดับราคาที่ถูกกว่ารุ่น 5 ประตู พร้อมกับกระแสตอบรับที่ร้อนแรงของรุ่น 5 ประตู ที่ถูกเปิดตัวมาก่อนหน้านี้ ด้วยรูปลักษณ์ของรถแบบซีดาน ทำให้มาสด้า2 ซีดาน สามารถตอบโจทย์ในการใช้งานได้แตกต่างจากรุ่น 5 ประตู จากห้องเก็บสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก สามารถรองรับต่อการใช้งานและรูปแบบชีวิตอีกแบบได้มากขึ้น มาสด้า2 ซีดาน ยังได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 รุ่น เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่าง โดยจะแบ่งออกเป็นรุ่นที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในรุ่น GROOVE ทั้งในแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โดยในรุ่นนี้หากจะสังเกตง่ายๆ นั่นก็คือ ที่ตัวล้อที่จะเป็นเพียงล้อแบบกระทะเหล็ก มาพร้อมฝาครอบล้อลายสวยขนาด 15 นิ้ว และถัดมาในรุ่นกลาง รุ่น SPIRIT
ที่จะมีการเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในหลายอย่าง อย่างเช่น ชุดจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบกุญแจนิรภัย (Immobilizer) สัญญาณกันขโมย ไปจนถึงช่วงล่างแบบสปอร์ต ที่นอกเหนือจากภายใน ในส่วนภายนอกที่อัพล้อติดรถขนาด 15 นิ้ว จากล้อกระทะเหล็กมาเป็นวงล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว เท่าเดิม ส่วนในรุ่นสูงสุด รุ่นท็อปของตระกูลมาสด้า2 ในรุ่น MAXX ที่มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น โดยมีการเพิ่มเติมชุดกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry System) และระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Keyless Start System) ที่ช่วยให้ความสะดวกในการเปิด-ปิด ระบบล็อกประตูอย่างง่ายดายขึ้น เพราะเพียงแค่พกกุญแจรีโมตไว้ที่ตัว ก็สามารถกดเปิด-ปิด ระบบล็อกได้ทันทีที่ปุ่มสีดำตรงมือเปิดประตู และที่สำคัญ ยังสามารถสตาร์ทรถได้เลยโดยไม่ต้องใช้กุญแจขึ้นมาไข เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เพิ่งจะได้รับการนำมาใช้ในรถระดับนี้
นอกจากนี้ในรุ่น MAXX ยังเพิ่มชุดเครื่องเสียงที่เป็นทั้งวิทยุและเครื่องเล่นซีดีในตัวแบบ 6 แผ่น มาให้ พร้อมกับชุดควบคุมบนก้านพวงมาลัย เพื่อเพิ่มความสะดวกในการควบคุมโดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย อันเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ไปในตัว สำหรับภายนอก ในรุ่นท็อปนี้จะมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางสไตล์สปอร์ตขนาด 195/45R16
ขับสนุกไปกับแรงม้าแค่ร้อยนิด ๆ
เครื่องยนต์ใหม่ MZR 1.5L แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1,498 ซี.ซี. มาพร้อมกับระบบควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วแปรผันแบบอิเล็กทรอนิกส์ S-VT (Sequential Valve Timing System) และระบบ TSCV (Tumble Swirl Control Valve) ที่ช่วยควบคุมให้ไอดีสามารถไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์และเพียงพอ ในทุก ๆ ช่วงความเร็ว เทคโนโลยีเดียวกับที่ประจำการอยู่ในมาสด้า2 ตัว 5 ประตู ด้วยแรงม้าที่พร้อมทำหน้าที่ทั้ง 103 ตัว กับแรงบิดสูงสุด13.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ที่อาจจะดูน้อยไปบ้าง เมื่อมองถึงบรรดาคู่แข่ง แต่ในเรื่องของการตอบสนองต่อการใช้งานนั้น ก็ไม่ได้น้อยไปตามตัวเลขสักเท่าไหร่ โดยสามารถให้การตอบสนองได้ตั้งแต่ในรอบต้น ไล่ยาวไปจนถึงรอบปลาย แต่ถ้าสังเกตถึงบุคลิกของเครื่องตัวนี้กันดีๆ ก็จะพบว่าใน DNA ของความเป็นมาสด้านั้น เครื่องยนต์บล็อกนี้ก็ยังเป็นเครื่องที่จะเรียกความสนุกในการขับขี่ได้เต็ม ที่ก็จะอยู่ในช่วงเข็มวัดรอบของเครื่องยนต์กวาดขึ้นไปเลย 3,000 รอบ ความจี๊ดจ๊าดที่ซ่อนอยู่ก็จะพร้อมพาคุณออกไปสัมผัสอารมณ์แบบ Zoom-Zoom กันอย่างแท้จริง
ระบบเกียร์ที่ถูกนำมาประจำการใน มาสด้า2 ซีดานนั้น ยังคงเป็นชุดเกียร์เดียวกับที่ใช้ในตัว 5 ประตู โดยยังคงมีให้เลือกตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ด้วยระบบเกียร์ทั้งแบบอัตโนมัติ 4 สปีด และแบบธรรมดา 5 สปีด โดยเกียร์แบบอัตโนมัติ 4 สปีดนั้น ได้รับการออกแบบให้สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว เพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่ตามนิยาม Zoom-Zoom
ด้วยการตอบสนองที่รวดเร็วของเกียร์อัตโนมัติชุดนี้มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้การขับขี่ในเมืองนั้นมีความคล่องแคล่วมากขึ้น เสริมรับกับขนาดตัวรถที่กะทัดรัดได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในยามที่จำเป็นต้องโยกเปลี่ยนเลนนั้น กำลังเครื่องยนต์ที่มีก็พร้อมจะส่งตรงลงสู่พื้นเพื่อพาเจ้ามาสด้า2 ให้โลดแล่นไปอย่างปราดเปรียว
ส่วนในรุ่นเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีด ที่นอกเหนือจากจะมีระดับราคาที่ย่อมเยากว่าแล้วนั้น แต่ในเรื่องของการใช้งานก็ยังได้รับการออกแบบมาให้รองรับกับการขับขี่ในแบบสปอร์ตได้ไม่น้อยหน้าใคร จากอัตราทดที่จัดจ้านขึ้นของเกียร์ธรรมดา ที่ส่งผลโดยตรงให้ในเวลาที่ขับขี่ รอบเครื่องยนต์นั้นมักจะป้วนเปี้ยนอยู่ในช่วงรอบที่ใกล้กับรอบที่มีแรงบิดสูงสุดอยู่เกือบตลอดเวลา จนทำให้การตอบสนองของคันเร่งในรุ่นเกียร์ธรรมดานั้น มีจังหวะในการตอบสนองที่รวดเร็วในทันทีที่กดคันเร่ง อย่างเช่น ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ในรุ่นเกียร์ธรรมดาจะใช้รอบเครื่องอยู่ที่ 3,600 รอบ ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติ กลับมีรอบเครื่องยนต์อยู่แค่ 3,200 รอบ เท่านั้น ซึ่งตรงนี้จะเห็นได้ถึงความแตกต่างของรอบเครื่องยนต์ที่ต่างกันถึง 400 รอบ และเมื่อมองถึงช่วงรอบกำลังสูงสุด แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ที่อยู่ที่ระดับ 4,000 รอบ/นาที จะเห็นได้ว่า มาสด้า2 เกียร์ธรรมดานั้น มีรอบเครื่องยนต์ที่ใกล้ช่วงรอบสูงสุดมากกว่ารุ่นเกียร์อัตโนมัติ อันทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์ในรุ่นเกียร์ธรรมดามีข้อได้เปรียบในเรื่องนี้
นอกจากการตอบสนองที่ดีกว่าในด้านความรู้สึกแล้ว ในรุ่นเกียร์ธรรมดานั้น หากลากรอบเค้นสมรรถนะกันเต็ม ๆ ก็จะพบว่าเจ้ามาสด้า2 เครื่องยนต์แค่ 1,500 ซี.ซี. ที่มาพร้อมแรงม้าแค่ร้อยนิด ๆ นี้ สามารถไต่ความเร็วขึ้นไปถึงตัวเลข 175 กม./ชม. กันตั้งแต่เกียร์ 4 อันเป็นความเร็วสูงสุดที่มาสด้า2 ทำได้ โดยรอบเครื่องยนต์ก็ปาเข้าไปถึงรอบตัดที่ 6,800 รอบ ซึ่งพอเข้าเกียร์ 5 รอบเครื่องยนต์ก็จะหล่นลงมาอีกนิดมาอยู่ที่ 5,300 รอบ โดยที่ยังคงสามารถรักษาความเร็วสูงสุดเอาไว้ได้
สมรรถนะที่เหนือกว่าก็ต้องแลกมาด้วยความสิ้นเปลืองที่เพิ่มมากขึ้น
ถึงจะมีขอได้เปรียบในเรื่องการตอบสนองของเครื่องยนต์ในรุ่นเกียร์ธรรมดา แต่ถ้ามองถึงในเรื่องของความประหยัดแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้ามาสด้า2 รุ่นเกียร์อัตโนมัติ จะมีภาษีที่ดีกว่าในเรื่องนี้ จากผลพวงของรอบเครื่องยนต์ในยามเดินทางที่ต่ำกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาในระดับความเร็วเท่า ๆ กัน ทำให้การใช้งานในเมืองนั้น ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองของรุ่นเกียร์อัตโนมัติ สามารถทำได้ถึง 10.1 กม./ลิตร ในขณะที่รุ่นเกียร์ธรรมดากลับทำตัวเลขได้เพียงแค่ 9.3 กม./ลิตร นั่นก็เป็นไปตามความคาดหมายจากรอบเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันของทั้ง 2 รุ่น แต่นั่นก็แลกมากับความจี๊ดจาดที่ได้มาของมาสด้า2 เกียร์ธรรมดา
สลับกันขึ้นนำด้วยการตอบโจทย์ที่แตกต่าง
ระบบช่วงล่างของมาสด้า2 ซีดาน ยังคงเป็นระบบช่วงล่างเดียวกับรุ่น 5 ประตู ที่ยังคงให้การตอบสนองต่อการขับขี่ได้อย่างคล่องแคล่ว โดยเฉพาะการใช้งานในเมืองที่มีหลากหลายสภาพถนนของบ้านเรา แต่ก็อดห่วงไม่ได้กับเจ้ายางซีรีส์ต่ำที่มีซีรีส์เพียง 45 ของล้อขอบ 16 นิ้ว ที่ติดตัวมาในรุ่นท็อป อันทำให้เวลาที่ขับผ่านรอบต่อถนนที่เป็นสันชันหรือหลุมลึก ๆ ก็เกรงว่าแม็กลายสวยจะคดหรือไม่ ซึ่งผิดกับล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว ของรุ่นเกียร์ธรรมดาที่ไม่หวั่นแม้ถนนไม่เรียบ จากขนาดซีรีส์ยางที่สูงมากกว่า (ซีรีส์ 55) อย่างเห็นได้ชัด นอกจากความแตกต่างของไซส์ยางที่ติดตัวมานั้น ที่ทำให้มีผลบ้างในเรื่องของความรู้สึกในการยึดถนน แต่ในเรื่องของความกระฉับกระเฉงในการบังคับควบคุมนั้น ประสิทธิภาพการทำงานของชุดพวงมาลัยแบบแร็ค แอนด์ พิเนี่ยน ที่มาพร้อมระบบเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPAS) นั้น ยังคงทำหน้าที่ให้การบังคับและควบคุมเป็นไปอย่างแม่นยำ
ส่วนนอกเมืองนั้น พระเอกของเรื่องกลับกลายเป็นมาสด้า2 ซีดานรุ่นท็อป เพราะทั้งขนาดหน้ายางที่กว้างกว่า ไปจนถึงซีรีส์ยางที่ต่ำกว่า กลับส่งผลโดยตรงทำให้อาการของตัวรถดูกระชับ และมั่นใจมากกว่าเจ้ารุ่นเกียร์ธรรมดาที่พอวิ่งไต่ความเร็วขึ้นไปสู งๆ ดูเหมือนว่าทั้งกระแสลมที่มาปะทะทางด้านหน้าและด้านข้าง กลับทำให้ตัวรถออกอาการเซอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ส่วนสำคัญก็หน้าที่จะมาจากขนาดของยางที่แตกต่าง อันเป็นผลให้สมรรถนะในการเกาะถนนลดลง นั่นก็หมายความว่าหากต้องการนำเจ้าซิตี้คาร์คันนี้มารองรับบทโหดก็คงจะต้อง หาทางอัพเกรดกันสักนิด เพราะไม่เช่นนั้นก็เหมือนกับเราเอารถมาใช้ค่อนข้างผิดวัตถุประสงค์
มาถึงตรงนี้คงต้องแล้วแต่ผู้ใช้แล้วว่าจะมีความต้องการการใช้งานแบบไหน เพราะถ้าเลือกที่ความสบายของเท้าข้างซ้ายก็คงจะต้องเลือกรุ่นเกียร์ อัตโนมัติ แต่ถ้าหากเป็นคนที่ต้องการรสชาติในการขับขี่แบบเต็มที่ งานนี้เจ้าเกียร์ธรรมดา 5 สปีดคงจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่าอย่างเห็นๆ
ความเร็วเดินทางที่เกียร์สูงสุด (Groove MT)
ความเร็ว (กม./ชม.) รอบ (รอบ/นาที)
100 3,000
120 3,600
140 4,200
160 4,800
ความเร็วสูงสุด และรอบเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์ (Groove MT)
เกียร์ ความเร็ว รอบเครื่องยนต์
1 50 7,000
2 92 6,800
3 132 6,800
4 175 6,800
5 175 5,300
ความเร็วเดินทางที่เกียร์สูงสุด (Maxx AT)
ความเร็ว (กม./ชม.) รอบ (รอบ/นาที)
100 2,700
120 3,200
140 3,700
160 4,200