“เบนซ์” เผย ขุมพลังดีเซลใหม่ ฟุ้งเหนือกว่าทั้งกำลังและความประหยัด

“เบนซ์” เผย ขุมพลังดีเซลใหม่ ฟุ้งเหนือกว่าทั้งกำลังและความประหยัด

“เบนซ์” เผย ขุมพลังดีเซลใหม่ ฟุ้งเหนือกว่าทั้งกำลังและความประหยัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พัฒนาเครื่องยนต์สี่สูบดีเซลเทอร์โบ เจเนอเรชั่นใหม่ ความจุ 2,143 ซี.ซี. 204 แรงม้าจิบน้ำมัน 5.1 ลิตรต่อ100 กิโลเมตร เชื่อเหนือกว่าคู่แข่งทั้งพละกำลัง ความประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

     รายงานข่าวจาก บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลระบบเทอร์โบชาร์จสองจังหวะด้วยกำลังแรงตอบ สนองที่ทันใจ โดยเป็นครั้งแรกที่เครื่องยนต์ดีเซลได้มีการพัฒนาไปสู่มาตรฐานใหม่ ซึ่งนอกจากกำลังที่เพิ่มขึ้นแล้ว เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังประกอบนวัตกรรมทางด้านเทคนิคที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง และลดการปล่อยมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย 

ทางวิศวกรของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ชี้แจงว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการออกแบบเครื่องยนต์ดีเซลสี่สูบใหม่นี้ด้วย ประสิทธิภาพที่ผู้ขับสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเองในขณะขับขี่ ด้วยกำลัง 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า จากความจุกระบอกสูบ 2,143 ซี.ซี. อัตรากำลังต่อความจุกระบอกสูบและอัตราแรงบิดต่อความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ก็น่าประทับใจไม่แพ้กันที่ 70 กิโลวัตต์/95.2 แรงม้า และ 233.3 นิวตันเมตรต่อลิตร ตามลำดับ

    อัตราสิ้นเปลืองลดลงด้วยกำลังเพิ่มขึ้น เมอร์เซเดส-เบนซ์มุ่งพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลเทคโนโลยีคอมมอนเรลรุ่นที่ 4 นี้ให้เป็นที่สุดแห่งความประหยัด เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นก่อน โดยเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ให้กำลังมากกว่าเดิมถึง 25 กิโลวัตต์แต่กลับสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยกว่า เครื่องยนต์ใหม่นี้ได้ถูกนำมาใช้ใน C 250 CDI BlueEFFICIENCY เป็นรุ่นแรก ด้วยขุมกำลัง 150 กิโลวัตต์ โดยใช้น้ำมันดีเซลเพียง 5.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ซึ่งลดลงถึง 0.8 ลิตรจากเดิม นอกจากนี้ยังสามารถลดมลพิษจากเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่ารุ่นเดิม อีกด้วย

 

   นวัตกรรมเทคโนโลยีเหนือทุกคู่แข่ง ทั้งในเรื่องของกำลัง แรงบิด ความประหยัด ตลอดจนความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของเครื่องยนต์รุ่น OM651 เป็นผลของการใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมล้ำสมัยซึ่งประกอบด้วย

 

    ระบบเทอร์โบชาร์จทำงานแบบสองจังหวะให้กำลังสูงและแรงบิดในระดับที่เหมาะสมที่สุดเทคโนโลยีคอมมอนเรลรุ่นที่ 4 ด้วยแรงดันเพิ่มขึ้นจาก 400 บาร์เป็น 2,000 บาร์ พร้อมหัวฉีดไฟฟ้าแบบ piezo ใหม่ที่มีเข็มควบคุมการฉีดโดยตรง เพื่อการกำหนดเวลาในการฉีดเชื้อเพลิงที่ยืดหยุ่นยิ่งกว่า ให้เครื่องเดินเรียบขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น และปล่อยมลพิษน้อยลงในเวลาเดียวกัน แรงดันเริ่มต้นการจุดระเบิดสูงสุดที่ 200 บาร์ ช่วยยกระดับอัตรากำลังต่อความจุกระบอกสูบได้เป็นอย่างดี

หัวฉีดสเปรย์น้ำมันหล่อลื่นและปั๊มน้ำทำงานตามความจำเป็นในการประหยัด พลังงานและเชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมันหล่อลื่นยังออกแบบมาพิเศษให้มีการควบคุมได้เพื่อลดอัตราการไหลของ น้ำมันหล่อลื่นและการสิ้นเปลืองอีกด้วย เฟืองขับเพลาลูกเบี้ยว Camshaft Drive วางด้านหลังเพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่ และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับเกี่ยวกับความปลอดภัยหากเกิดอุบัติเหตุกับ คนเดินถนน

 

เสื้อสูบเครื่องยนต์ผลิตจากเหล็กหล่อ หัวลูกสูบผลิตจากอะลูมิเนียม ช่องระบายน้ำแบบสองตอนในฝาสูบช่วยลดความร้อนสูงสุดในบริเวณของผนังห้องเผา ไหม้ ช่องระบายน้ำนี้เองที่ช่วยให้สามารถเพิ่มแรงดันจุดระเบิดถึง 200 บาร์ และอัตรากำลังต่อความจุกระบอกสูบอยู่ในระดับสูงได้ กระบอกลูกสูบเหล็กหล่อในเครื่องยนต์รุ่นนี้มีการปรับแต่งและขัดให้ละเอียด กว่ารุ่นก่อนเพื่อลดอัตราสิ้นเปลือง

เพื่อเป็นการชดเชยแรงเฉื่อยที่พบในเครื่องยนต์แถวเรียงสี่สูบทั่วไป เราได้เลือกใช้บาล้านเซอร์ชาฟท์ของ Lanchester สองตัววางข้างใต้เสื้อสูบของเครื่องยนต์ ติดตั้งในลูกปืนแบบทรงกระบอก Roller Bearings แบบความฝืดต่ำ แทนที่จะใช้แบริ่งแบบแบนธรรมดาที่มีความฝืดมากกว่า ล้อช่วยแรงแบบสองชั้น Two-Mass Fly Wheel ออกแบบพิเศษเพื่อให้ได้แรงบิดสูงที่รอบเครื่องยนต์ต่ำ ลดการสั่นสะเทือนของเพลาข้อเหวี่ยง Crankshaft และทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบในระดับดีเยี่ยม

 

เครื่องยนต์ OM651 รุ่นใหม่นี้ได้ถูกบรรจุไว้ในรุ่น C 250 CDI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE และ E 250 CDI BlueEFFICIENCY ELEGANCE

 

***ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก www.inautonews.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook