เปรียบมวย 5 ซิตี้คาร์...ในกระแส ที่คุณต้องจับตามอง
ช่วงนี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจ และกระแสราคาน้ำมันที่กลับมาทะยานพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งกระมัง เลยทำให้ในยุคนี้อะไรที่ดูคุ้มค่าใช้ได้เต็มที่ดูจะขายดี ไม่เว้นกระทั่งบรรดารถซิตี้คาร์ หรือพูดให้สวยหน่อยก็ “รถคนเมืองกรุง” ที่มีกระแสเริ่มมาแรงอีกครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่โบนัสท้ายปีใกล้จะออกมาให้ได้ใช้จ่าย
แม้ปัจจุบันรถซิตี้คาร์จะกลายเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยกันไปแล้วเมื่อเทียบกับยุคก่อน จนมีตัวเลือกมากมายออกมาให้ได้จับจองกันอย่างล้นหลาม ทว่าการตลาดกับสมรรถนะที่ใช้งานจริงยังเป้นเรื่องที่ห่างไกลกันมาก ในวันนี้ทีมงานสนุกออโต้ เลยจะพาเพื่อนไปสัมผัสทุกมุมมองของรถยนต์รุ่นเล็กกัน
MAZDA 2
นับว่าออกมาถูกจังหวะจริงๆสำหรับ มาสด้า 2 ที่แม้จะทำตัวเป็นมาช่า..มาช้า แต่ก็ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีกับยอดขายที่ก้าวมาเป้นอันดับหนึ่งในตลาด ตีคู่แข่งเจ้าอื่นๆ เสียต้องกลับไปทำการบ้าน โดยเฉพาะตัว ซีดานยิ่งแลดูถูกใจวัยรุ่นเพิ่งเริ่มทำงานสุดๆ
รถมาสด้า 2 นับว่าเป็นหมัดเด็ดของค่าย ซูม-ซูม เลยก็ว่า เพราะมีเขี้ยวเล้บอารมณ์สปอร์ตสอดใส่ไว้ทุกอนูเลยกว่าได้ เริ่มตั้งแต่บอดี้ทางภายนอกที่ออกแบบหน้าตาให้มันเป็นรถที่ใครมองหงอเฮ้งแล้ว ก็เหมือนมันจะยิ้มให้ทุกคนตลอดเวลา
เส้นสายตัวถังถูกขัดเกลาให้ลงตัวด้วยความโค้งเว้าทางด้านค้างช่วยรีดลมผ่านตัวถังได้ดีพร้อมให้อารมณ์ที่สปอร์ตเร้าใจอย่างเด่นเมื่อบรรจบกับไฟท้าย โดยเฉพาะในรุ่นซีดาน บั้นท้าย 5 ประตูดูจะออกแนวป้อมๆไปนิด จนมีบางคนติงว่าคล้ายรถซิตี้คาร์จากค่าย 3 ห่วง แต่พอมองดีๆ ก็จะพบว่าบั้นท้ายที่ดูอวบอั๋นนี้ช่วยให้มาสด้า 2 ดูกลมๆ เล็กๆ น่ารักไปอีกแบบ ในขณะที่พี่น้องท้องเดียวกันฉบับซีดานนั้น ก็ทำได้ดีใช่เล่นเก็บทุกรายละเอียดความสปอร์ตโดยเฉพาะบั้นท้าย ที่ดูปราดเปรียวกว่ารถรุ่นอื่นๆในกลุ่ม และเมื่อดูองค์รวมแล้วทั้ง 2 รุ่นเป็นดั่งความเหมือนที่แตกต่าง
เรื่องเครื่องยนต์มาสด้า 2 ถูกจัดวางไว้อยู่ในตลาดกลุ่มบน ที่นิยมเล่นเครื่องยนต์ขนาด 1500 ซีซี ซึ่งมาสด้าใช้ขุมพลังใหม่ในรหัส MZR ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน S-VT ขนม้ามากว่า 103 ตัว ขณะที่แรงบิดให้ 31.4 กิโกรัมเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที
แม้ศักยภาพเครื่องยนต์จะดูด้อยกว่าคู่แข่งในตลาดเมื่อดูถึงจพนานแรงม้า แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้ามาสด้านั้นมีน้ำหนักตัวที่เบากว่าคู่แข่งด้วยเทคโนโลยีไลท์เวท ที่ลดน้ำหนักในชิ้นส่วนไม่จำเป้นออกไปกว่า 100 กิโลกรัม ทำให้มันปราดเปรียวใช่ย่อย
ภายในมาสด้า 2 ถูกจัดวางให้มีลักษณะตัวตนในความเป็นสปอร์ตเหนือคู่แข่งเจ้าอื่น สังเกตได้ตั้งแต่เบาะที่จัดทำขึ้นมาอย่างดีและค่อนข้างโอบกระชับกว่ารุ่นอื่นๆ ในขณะที่รายละเอียดที่เหลือก็ไม่ค่อยแตกต่างจากเจ้าอื่นเท่าไร
Nissan March
นับว่าเป็นยุคทองของนิสสันเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากประสบความสำเร้จในสายรถยนต์กระบะขนาด 1 ตันแล้ว ยังสำริดในการเป็นผู้นำของรถอีโค เต้าแรกของประเทศเลยก้ว่าได้กับการเปิดตัว นิสสัน มาร์ช ที่รัฐบาลวางแผนเอาไว้ว่า จะให้อีกโค่คาร์ เป็นโปรดักแชมเปี้ยนส่งออกนอกอีกรายการ
บทบาท นิสสันมาร์ช นอกจากมันจะเป็นรถอีโค่คาร์ที่สำริดผลแล้ว มันยังเป็นการทวงบัลลังคืครั้งสำคัญในตลาดรถนั่งของนิสสันอีกด้วย หลังไม่คอยประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายมากนักสำหรับ นิสสัน ทีด้า ซึ่งเดิมทีควรจะมาทำตลาดใน B -Segment แต่ไปๆมาๆ กลายไปติดแหงกอยู่ในกลุ่มบน จนสู้กับพวกรถนั่งจริงๆไม่ได้
ภายนอกมาร์ชถูกออกแบบให้เป้นรถที่เราอยากจะบอกว่า มันดูน่ารักมากกว่ารถทุกรุ่นในตลาด ณ ขณะนี้ ด้วยใบหน้าที่มีตากลมโต ของไฟหน้า ส่วนกันชนหน้าก็ทำให้ดูสปอร์ตเล็กหน้อย โดยเป็นชิ้นเดียวกันกับกระจังหน้าทีดูแล้วเข้าที ด้านข้างมาร์ชไม่ได้พองลมออกเหมือนรถตระกูลแฮทช์แบ้คของค่ายรถเจ้าอื่น แต่ก็มีความโค้งเว้าตัวถังบ้างดูดี ในขณะที่ด้านท้ายก็มองดูดี แม้จะมีไฟท้ายที่ค่อนข้างเล็กไปนิด แต่ก็พอเหมาะกับตัวรถ
เรื่องเครื่องยนต์มาร์ชมาพร้อมขุมพลัง 3สูบ ขนาด1200 ซีซี รหัส HR12DE ที่แม้จะเล็กแต่ก็จัดจ้านด้วยด้วยพละกำลังแรงม้ากว่า 79 ตัว ขณะที่แรงบิดให้จัดจ้านพอตัวสูงสุดถึง 108 นิวตันเมตร-ตารางนิ้ว ซึ่งถือว่าพอเพียงสำหรับรถไซส์มินิอย่างมาร์ช แถมในรุ่นเกียร์อัตโนมัติยังจับคู่มาพร้อมระบบเกียร์ xtronicCVT แบบเดียวกับรถใหญ่อย่าง นิสสัน เทียน่า
ภายในห้องโดยสารมาร์ชถูกขัดเกลาด้วยความสะดวกสบายแอบแฝงความสปอร์ตไว้เล็กน้อย กับการตบแต่งที่แม้รถจะมีไซซ์เล็กว่าชาวบ้านแต่ก็ไม่ได้เล็กจนอึดอัด เรียกว่าคนตัวใหญ่นั่งก็ยังโอเค ไม่รู้สึกแคบ แต่ข้อเสียมาร์ชจากทั้งคันดูจะมีเพียงอย่างเดียวคือห้องสัมภาระท้าย ที่แม้จะให้มาถึง 241 ลิตร แต่ก็อาจจะไม่พอหากใครเป็นนักช๊อปตัวยง
Ford Fiesta
กลายเป็นกระแสมาแรงอีกคัน และอาจจะมีสิทธิแซงหน้าค่ายอื่นก็เป็นได้ กับ Ford Fiesta ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
ฟอร์ดเฟียสต้า ครั้งนี้จะเป้นครั้งแรกที่ฟอร์ด นำมันกลับมาให้ขับกันอีกครั้ง หลังเคยนำเข้ามาเมื่อ 10 กว่าปีก่อนโน้น ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของฟอร์ดเฟียสต้าก็มีเครื่องการันตีคุณภาพด้วยยอดขายมาแล้วทั่วโลกเกือบ 1 ล้าน จึงนับว่ามันเป็นรถที่อาจจะกินคู่แข่งได้ง่ายๆ แต่ก็อย่างว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อเข้ามาขายในประเทศไทย
เฟียสต้าใหม่ที่จะเข้ามาเปิดตัวอย่างเป้นทางการนี้ ทางฟอร์ดได้วางไว้ให้เลือก 2 รุ่น คือ 4 ประตู ซีดาน และ 5ประตูแฮทช์แบค พร้อมตัวเลือกขุมพลังกับเครื่องยนต์ดูราเทคขนาด 1.4 ลิตร และขนาด1.6 ลิตร ที่มาพร้อมระบบแปรผันแคมชาร์ฟแบบอิสระคู่ (Ti-VCT) ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 121 แรงม้า (89KW) และสมรรถนะการขับขี่ที่ต่อเนื่องด้วยแรงบิดสูงสุด 151 นิวตัน-เมตรที่ 4,050 รอบต่อนาที และไม่เพียงเท่านั้นเฉพาะในเครื่อง 1.6 ยังจับคู่มากับระบบเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ 6 จังหวะรุ่นใหม่ ซึ่งน่าจะคล้ายกับที่อยู่ในฟอร์ดโฟกัส TDCi และถ้าใช่นั่นหมายถึงเฟียสต้าจะมีอัตราเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและเร็วกว่าเจ้าอื่น
ภายในเฟียสต้าใหม่จากที่ได้สัมผัสเล็กๆน้อยๆ มันถูกออกแบบให้มีความสะดวกสบายผสานกับความทันสมัย โดยเฉพาะเทคดนโลยีใหม่ที่เรายังหวั่นๆ ว่าถ้าติดตั้งมาแล้วจะได้ใช้จริงรึเปล่ากับระบบสั่งการด้วยเสียงที่ใช้เวลาที่เชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับรถ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันแต่แว่วมาว่าต้องคุยกับรถเป็นภาษาอังกฤษถึงจะรู้เรื่องนี่สิ อันนี้ฟอร์ดคงต้องทำการบ้านหนักหน่อย
Honda Jazz
เป็นพี่เบิ้มในตลาดรถระดับนี้เลยก็ว่าได้กับ ฮอนด้าแจ๊ส รถรุ่นแรกในบ้านเราที่กล้าออกมาเป็นแบบแฮทช์แบ็ค แม้แจ๊สในเจนเนอร์เรชั่นที่ 2 ของตระกูลจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 แล้วแต่ก็มีการลูบหน้าทาปากไปบ้า งและยังมีการเปิดตัวแต่งจากโรงงานอย่าง Honda Jazz Plus เอาใจคนที่รักความสนุก
ภายนอกฮอนด้า แจ๊ส โฉมนี้ เป็นอะไรที่ค่อนข้างมาแนวสปอร์ตมากกว่ารุ่นแล้ว ด้วยใบหน้าที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่าชาวบ้าน แถมยังเติมสันปันส่วนในเส้นสายตัวถังทางด้านนี้มาอย่างเต็มคราบ แม้จะมีบางคนติติงว่ามันยังมีความโค้งเว้าน้อยไปสักนิด แต่หน้าตาเอกลักษณ์แจ๊สที่เหมือนหนู ก็ยังคงดูดีในสายตาเรา
เครื่องยนต์ในแจ๊สแม้จะเก่าแต่ก็ยังเก๋าอยู่กับขุมพลัง 4 สูบ 1500 ซีซี รหัส L15 A ที่เบ่งพลังมากว่า 120 แรงม้าควบรวมมาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 speed ให้ทั้งอัตราประหยัดและขับสนุกพอตัวตามแบบฉบับแจ๊ส รถเล็กขับสนุกมากกว่าเจ้าอื่นๆ
เรื่องห้องโดยสารของรถรุ่นนี้ค่อนข้างจะมีความอรรถประโยชน์ด้วยช่องเก็บของต่างๆทั่วทุกที่ และเก็บได้เกือบหมดทุกอย่าง ทั้งยังมีออพชั่นในการพับเบาะได้เป็นราบเรียบที่สุดเป็นจุดขาย แถมด้วยสไตล์สปอร์ตที่ถูกผสมผสานอย่างลงตัวจากหน้าปัดดีไซน์ทันสมัยและคอนโซลหน้า
ToyotaVios
กลับมาอีกครั้งกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ว่าได้กับ โตโยต้า วีออส ที่จับเอาดาราอย่างโจและว่าน มาเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อเรียกลูกค้าครั้งสุดท้าย
การเปลี่ยนแปลงในโตโยต้าวีออสโฉมนี้ สื่อให้เห็นแนวทางสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องบอดี้ภายนอกของรถว่า โตโยต้าพยายามที่ทำให้รถในค่ายของตัวเองหันไปในแนวเดียวกัน กับลุคที่ดูดี มีระดับ ซึ่งเจ้าวีออส โฉมใหม่นี้ก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนใหม่โดยใส่ความมีระดับเข้าไป จะเห็นได้เด่นชัดในกระจังหน้าโครเมี่ยมและไฟท้ายตาเพชร ที่แลดูเข้าทีพอสมควร
เรื่องขุมพลังของโตโยต้าวีออส ก็ใช้ติดต่อก็มาพอสมควรแล้วกับเครื่องยนต์ขนาด 1500 ซีซี รหัส 1NZ-FE ที่อยู่ยงคงกระพันมานานพอตัวเลยที กับพละกำลัง 109 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที พร้อมกับแรงบิดที่ 141 นิวตัน-เมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที ที่แม้จะมีข้อด้อยกว่าเจ้าอื่นที่ระบบเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งมีเพียง 4 สปีด ซึ่งเริ่มถือว่าธรรมดามากในรถยุคปัจจุบัน แต่ก้มีดีที่คันเกียร์แบบ Gate Type ช่วยให้ไม่หลงตำแหน่งเกียร์
ภายในห้องโดยสารวีออส ในโฉม2010 ก็ถูกปั้นแต่งให้ดูดีมีคลาสมากยิ่งขึ้น และมีการตบแต่งที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกเอาตามใจชอบว่าจะไปในทางหรู หรือ สปอร์ตได้ ด้วยตัวเอง ซึ่งหากคุณเลือกแนวหรู ภายในจะถูกตบแต่งด้วยสีเบจ ส่วนสปอร์ตภายในจะเป็นสีดำ นับว่าเป็นจุดขายที่ทำให้วีออสเป้นรถอีกหนึ่งรุ่นที่น่ามองใช่ย่อยไปกว่าคู่แข่งเลย
ทั้ง 5 City Car 2010 นี้ไม่ว่าใครจะชอบจะเชียร์รุ่นไหน ก้ควรศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อให้ดี เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีข้อดีแตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าคุณกำลังมองดูรุ่นไหนหรือซื้อรถยี่ห้ออะไร สำคัญที่เลือกที่มันใช้งานได้คุ้มค่า
ขอบคุณภาพประกอบบทความบางส่วนจาก Thaidriver