อะคาเดมี่ชีวิตพริตตี้ Motor Expo 2014
หากพูดถึงงาน แสดงรถยนต์ชั้นนำระดับประเทศทีไร นอกจากรถยนต์ใหม่ๆ มากมายภายในงานแล้วเราเชื่อว่า อีกหนึ่งสีสันที่ทำให้งานดูน่าสนใจมากขึ้นนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นเหล่าสาวสวย พริตตี้ ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อใดที่มีงานมหกรรมรถยนต์ระดับประเทศเกิดขึ้นก็ต้องมีสาวๆ พริตตี้ มาเป็นส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน
เมื่อพูดถึงเรื่องของสาวๆพริตตี้แล้วนั้น หลายๆคนคงจะนึกถึงเพียงภาพหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาสะสวยที่คอยทำหน้าที่มายืนโพสท่ากับรถยนต์เพื่อให้เหล่าบรรดาช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือใหม่ได้ลั่นชัตเตอร์กันแบบมันส์มือเท่านั้น แต่หารู้ไม่อาชีพ พริตตี้ ที่บางครั้งสังคมตีค่าว่าใช้แค่หน้าตานั้นเบื้องหลังมีเรื่องราวมากมายที่หลายๆ คนยังไม่รู้ว่าอาชีพ พริตตี้ ต้องใช้ความอดทนต่างๆ มากมาย ที่เมื่อได้รู้แล้วจะเข้าใจพวกเธอมากขึ้นเลยทีเดียว
บ่ายแก่ๆ ในงาน Motor Expo 2014 ทีม Sanook! Auto ได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยถึงการใช้ชีวิตของกลุ่มสาวๆ พริตตี้ จากค่ายรถ Maxus โดยพวกบอกว่าไม่ใช้เรื่องง่ายๆ สำหรับการจะมาเป็น พริตตี้ ในงานแสดงรถยนต์ระดับประเทศ
เพราะต้องผ่านกระบวนการแคสหลายขั้นตอน และเมื่อผ่านเข้ามาได้ทำงานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ชีวิตของสาวๆ พริตตี้ ต้องเจอนั้น คือการใช้ชีวิตที่เปรียบเสมือน "การเข้าค่าย" ที่ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง
ไม่ว่าจะเป็น การตื่นเช้าแต่งหน้าทำผม ยืนบนรองเท้าส้นสูงเป็นเวลานานๆ กินนอนกันไม่เป็นเวลา ทนกับแสงไฟแสงแฟลชที่สาดใส่ และอีกมากมาย ซึ่งหากถามว่าต้องเจอการใช้ชีวิตที่ไม่สบายนักแล้วเหตุผลอะไรทำให้พวกเธออยากจะมาทำงานนี้
Maxuslady “เฟอร์กี้ ธารินทร์ วินฉิมพลี” เธอบอกว่า “งานแสดงรถยนต์ใหญ่ระดับประเทศก็เหมือนคนที่มีความฝันอยากจะไปประกวด เดอะสตาร์ หรือ เอเอฟ วงการพริตตี้ก็เช่นเดียวกันที่สุดของงานในวงการพริตตี้ก็คืองาน Motor Expo หรือ Motor Show
การได้มาทำตรงนี้ก็คือส่วนหนึ่งก็สามารถช่วยสร้างโปรไฟล์งานของเรา สร้างความเชื่อถือให้ตัวเราในการต่อยอดงาน อย่างน้อยลูกค้าที่จะจ้างเราก็จะเห็นว่าคุณเป็นมืออาชีพ อย่างน้อยก็ผ่านงานใหญ่ๆ มา ผ่านการใช้ชีวิตที่ต้องอดทนเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์
เฟอร์กี้ว่าเหมือนเป็นการเข้าค่ายเรียนรู้ชีวิต พริตตี้แต่ละคนต่างที่มากัน ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องปรับตัวเข้าหากัน ปัญหาจุกจิกเล็กน้อยมีแน่นอน แต่อยู่ที่เราจะปรับตัวอย่างไงเท่านั้นเองค่ะ”
เฟอร์กี้ ธารินทร์ วินฉิมพลี
ต่อที่คนที่สอง Maxuslady “เฟี๊ยต ปณิชา วิชัยดิษฐ” เล่าว่า “การมาทำงานพริตตี้ตรงนี้สิ่งหนึ่งถ้าให้พูดกันตามความจริงค่าตอบแทนก็คือหัวใจสำคัญ และตัวเธอเองยังศึกษาอยู่ รายได้ที่มาจากตรงนี้คือค่าเทอมที่เธอตั้งใจจะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว
แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาทำงานแสดงรถยนต์ใหญ่ๆ ระดับประเทศ และภูมิใจเพราะงานนี้เป็นงานที่การันตีโปร์ไฟล์ให้ตัวเรา และยังได้มิตรภาพกับเหล่าเพื่อนๆ พริตตี้ที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน กินนอนเป็นเวลาหลายๆ วันได้รู้จักศึกษาคนที่ต่างที่มา ถ้าเข้ากันได้ก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่ได้เฟี๊ยตจะใช้วิธีเงียบและปล่อยให้ผ่านไปดีกว่าค่ะ”
เฟี๊ยต ปณิชา วิชัยดิษฐ
เสริมต่อที่ “ดรีม ชาลิสา นวลแก้ว” Maxuslady ที่เรียนจบมาทางด้านพยาบาลแต่เลือกที่จะมาสัมผัสงานด้าน พริตตี้ นั้นเธอบอกว่า “อาชีพนี้ก็เป็นอีกอาชีพที่เธอรักเพราะทุกครั้งที่เธอได้ทำงานเธอจะมีความสุขและได้แต่งตัวสวยๆ คิดแค่ว่า เรา สวย เด่น เก่ง แม้เบื้องหน้าหลายๆ คนมองว่าสบายแค่ยื่นๆ แต่จริงๆ แล้วต้องใช้ความอดทนที่สูงมาก
ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต ตื่นเช้านอนดึก ยืนกันนานเป็นชั่วโมง รวมถึงการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ เป็นเวลาๆ หลายๆ วันก็อาจจะถูกใจไม่ถูกใจกันบ้าง แต่ส่วนตัวดรีมเลือกจะมองข้ามหาเพลงฟัง เล่นโทรศัพท์ หลีกเลี่ยงปัญหาด้วยวิธีแบบนี้สบายใจที่สุดค่ะ”
ดรีม ชาลิสา นวลแก้ว
ตบท้ายที่ Maxuslady “ปุ๋ย ช่อทิพย์ จันทรมนตรี” เธอเล่าได้น่าสนใจว่า ”งานแสดงมหกรรมรถยนต์ระดับประเทศสำหรับเธอนั้นคือการรวมญาติพริตตี้ เพราะส่วนใหญ่ก็จะรู้จักกัน
เราอยู่ค่ายรถนี้ เพื่อนอยู่ค่ายรถนั้น เดินไปก็เจอกันมันก็สนุกดีที่ได้ทำงานและเจอเพื่อนๆ กันเอง แต่อีกมุมนึงก็คือการใช้ชีวิตอย่างที่รู้อยู่ด้วยกันเป็นเวลาหลายๆ วัน ร้อยพ่อพันธุ์แม่ปัญหามันต้องมีอยู่ที่เราจะแก้ปัญหาอย่างไร และกินนอนไม่เป็นที่เป็นทาง
เบื้องหน้าที่เห็นสวยๆ พอกลับเข้ามาหลังบูธนอนกันเกลื่อน และต่อให้ เหนื่อย หิว ป่วยไม่สบายแค่ไหนพอออกไปเบื้องหน้าก็ต้องทำหน้าที่ยิ้มตลอดเวลาค่ะ เพราะมันคืองานที่เราเลือกและรักจะทำก็ต้องอดทนค่ะ”
ปุ๋ย ช่อทิพย์ จันทรมนตรี
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งมุมที่สาว Maxuslady ถ่ายทอดให้เห็นว่าการจะมาทำงานเป็น พริตตี้ นั้นไม่ได้ใช้แค่หน้าตาสิ่งที่จะต้องมีและควบคู่กันไปคือความอดทนตลอดเวลากว่า 14 วัน ที่สะท้อนให้เห็นว่าถ้าไม่มีใจรักและความอดทนที่สูง พอก็คงจะทำไม่ได้ แล้วถ้าเป็นตัวคุณล่ะจะทำได้อย่างพวกเธอหรือไม่ลองถามตัวเองดู!!
………………………………………………………………………….
เรื่องโดย จิดาภา รักสนิท
ภาพโดย Nadhaphon Duangpracha
ขอบคุณค่ายรถยนต์ Maxus