MG Midget 1500 สปอร์ตจอมเก๋าแดนผู้ดี ที่ยากจะหามาขับ
MG Midget เป็นรถสปอร์ตขนาดเล็ก 2 ที่นั่ง ผลิตโดย MG ดิวิชั่นของ British Motor Corporation สหราชอาณาจักร มีสายการผลิตระหว่างปี 1961 ถึง 1979 โดย MG Midget 1500 เป็นการเปลี่ยนแปลงท้ายสุด จำหน่ายอยู่ระหว่างปี 1974-1980
โมเดลแรกของ MG Midget คือ MG Midget Mk I ซึ่งผลิตระหว่างปี 1961-1964 ตามด้วย MG Midget Mk II ในปี 1964-1966 ติดตั้งเครื่องยนต์ 950 ซี.ซี. และ 1100 ซี.ซี. ตามลำดับ
ก่อนจะถึง Midget 1500 เป็นโมเดล MG Midget Mk III (ระหว่าง 1966-1974) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงหลายประการโดยเฉพาะเครื่องยนต์ ซึ่งเพิ่มขนาดเป็น 1275 ซี.ซี. พัฒนาจากเครื่องที่ติดตั้งให้ Mini-CooperžSž แต่จุดนี้สร้างความผิดหวังให้แฟน ๆ เพราะเครื่องนี้ให้กำลังสูงสุดเพียง 65 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ขณะที่แรงบิดก็มีเพียง 72 ปอนด์-ฟุต ที่ 3,000 รอบต่อนาที
ตัวถังมีการปรับโฉมชัดเจนในเดือนมกราคม ปี 1972 ตรงบังโคลนหลังปรับจากทรงเหลี่ยมเป็นทรงโค้ง ส่วนภายในมีการนำแร็คพวงมาลัยของรถ Triumph มาใช้
พอถึงปี 1974 ก็ถึงเวลาของ MG Midget 1500 (1974-1980) ซึ่งเป็นรุ่นที่เอาใจตลาดใหญ่ต่างแดนอย่างสหรัฐ จุดเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมที่เห็นได้ชัดเจนคือกันชนทั้งหน้าและหลัง ซึ่งใช้พลาสติกแข็งเป็นวัสดุผลิต เพื่อให้ไปกันได้กับข้อกำหนดของสหพันธ์รถยนต์ในสหรัฐ กันชนนี้ถูกเรียกกันติดปากว่ากันชนยาง (rubber bumper) ทั้งที่ไม่ได้ผลิตจากยางแต่ประการใด
ที่สำคัญคือเครื่องยนต์ที่เพิ่มความจุกระบอกสูบเป็น 1493 ซี.ซี. ทำให้โมเดลนี้มีชื่อว่า Midget 1500 เครื่องยนต์ดังกล่าวเป็นชนิดเดียวกับที่ติดตั้งให้ Triumph Spitfire ขณะที่เกียร์บ๊อกซ์ 4 สปีดก็ดัดแปลงมาจากเกียร์บ๊อกซ์ของ Morris Marina โดยมีซิงโครเมชทุกเกียร์ ขณะที่ความแตกต่างด้านตัวถังก็มีตรงบังโคลนหลัง ซึ่งเป็นวงโค้งถูกปรับให้กลับมาเป็นสี่เหลี่ยมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของตัว ถัง
MG Midget 1500 ล็อตสุดท้ายผลิตออกมา 73,899 คัน โดยคันสุดท้ายผลิตเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1979 จากนั้นก็ยังมีจำหน่ายอีกเล็กน้อยในปี 1980
Auto Sanook! Comment
รถรุ่นนี้ถือว่าเป็นคลาสสิคคาร์ที่หายากมาก และในบ้านเราแล้วเรียกว่าแทบจะหาไม่ได้เลย หรือถ้าเจอก็ต้องแพงมากๆ ในสภาพสมบูรณ์ หรือ ไม่ก็เป็นซากไปแล้ว จึงนับว่าเป็นรถรุ่นหนึ่งที่หายากพอตัวสำหรับคอรถคลาสสิคคาร์