เหตุใดรถ"ปลั๊ก-อิน"ถึงยังไม่ฮิต?
ชั่วระยะเวลาไม่กี่ปี เทคโนโลยีไฮบริดในยานยนต์ กลายเป็นสิ่งคุ้นเคยสำหรับผู้บริโภคเพิ่มขึ้นทุกที
ทุกวันนี้รถยนต์ไฮบริดเป็นก้าวที่สำคัญของเทคโนโลยี หลายคนทราบดีว่าเทคโนโลยีไฮบริดนั้นช่วยให้ประหยัด ยิ่งระบบใหม่ใช้วิธีการเสียบปลั๊กหรือปลั๊ก-อินเข้ามาช่วยในการถ่ายทอดความประหยัดให้มากขึ้นไปอีก
แต่ความน่าสนใจในความประหยัดที่มากขึ้น แต่ทำไมกลายเป็นเทคโนโลยีน้อยคนจะใส่ใจ เลือกซื้อหามาเป็นเจ้าของ หลังจากคาดการณ์ว่ารถยนต์แบบเสียบปลั๊กน่าจะได้รับความนิยมมากกว่ารถไฮบริดทั่วไป
รายงานใหม่จากรีเซิร์ช แคปซูล (Research Capsule) รายงานว่า แท้จริงแล้วรถยนต์ไฟฟ้าเสียบปลั๊กหรือกระทั่งไฮบริดเสียบปลั๊กนั้น อาจจะยังมีปัญหาเรื่องของการรับเทคโนโลยีใหม่ไปใช้จากผู้บริโภค การคาดการณ์นี้ชี้ยาวไปถึงปี 2017 เลยทีเดียว
ปัญหาของรถยนต์เสียบปลั้กขายไม่ค่อยออกมีหลายปัจจัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเงินสนับสนุนจากภาครัฐ สภาวะเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น รวมถึงราคาน้ำมัน
ในรายงานยกตัวอย่างประเทศชั้นนำที่เป็นผู้นำในรถยนต์ไฟฟ้าอย่างนอร์เวย์ว่ามีความพร้อมในหลายด้าน
แต่ประชากรรถเสียบปลั๊กในภาพรวมกลับไม่แน่นอน อย่างเช่นในประเทศสวีเดน รถไฟฟ้ากลับไม่เป็นที่นิยม ทั้งที่เป็นเพื่อนบ้านระหว่างกัน เช่นเดียวกันกับเนเธอร์แลนด์ที่ขายดีมาก รวมทั้งในตลาดใหญ่อย่างเยอรมนีกลับขายไม่ค่อยออก
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมามีรายงานว่า มีเพียง 5 ประเทศเท่านั้นที่สามารถผ่านยอดขายระดับ 10,000 คันในรถยนต์ไฟฟ้า และจากจำนวนดังกล่าวจะมีเพียงประเทศเดียวสามารถผ่านเพดานยอดขาย 10% ในอีก 5 ปีข้างหน้า และในตลาดรวมทั่วโลกขายได้ 1% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก เรียกว่าเหนื่อยกันหืดจับทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายคนมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าอาจจะดูมาเร็วเกินไป แต่สำหรับคุณสมบัติทั้งความประหยัดและการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดี เชื่อว่าคงไม่มีใครจะปฏิเสธว่ามีแนวโน้มจะขายดี แต่เป็นเมื่อไหร่คงเป็นอีกเรื่อง