E-Class CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE Cabriolet สปอร์ตดาวสามแฉกเปิดประทุนพร้อมลุยตลาดเมืองไทย

ถึงจะไม่ค่อยมีข่าวคราวอะไรมากมายนัก เมื่อเทียบกับค่ายตราพัดฟ้าที่ปีนี้ถือว่ามาแรงมากๆ สำหรับศึกตลาดรถยนต์หรูจากกลุ่มค่ายรถยนต์ยุโรป และแม้ค่ายรถยนต์กลุ่มนี้จะไม่ค่อยเป็นที่กล่าวถึงมากนัก แต่ก็มักมีอะไรแปลกๆ ออกมาให้ได้ตื่นตาตื่นใจในแบบฉบับรถยนต์เพื่อผู้ดี และล่าสุดค่ายดาวสามแฉกนาม “เมอร์เซเดส”เบนซ์ ก็จัดการนำทัพโฉมเปิดประทุนมาเสริมไลน์ในซีรี่ย์ E-Class

แม้จะเป็นที่สงสัยกันอย่างมากว่า เหตุได้เบนซ์ ถึงตัดสินใจนำรถยนต์นั่งสไตล์สปอร์ตเปิดประทุนเข้ามาทำตลาดในบ้านเรา แต่นาย สเตฟาน เมอบิอุส รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ก็เปิดเผยว่า รถยนต์ในกลุ่ม E-Class ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายจนเป็นผู้นำรถยนต์ในเซกเม้นเดียวกันในตลาด ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะผู้ที่ ชื่นชอบยนตรกรรมแบบเปิดประทุน บริษัทฯ จึงมั่นใจว่ารถรุ่นนี้จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

กายภายนอกE-Class Cabriolet ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดไดนามิคดีไซน์ เส้นสายรอบตัวรถล้วนสะท้อนถึงความเป็นสปอร์ตที่เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลัง แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา สง่างาม ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย อันเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์

โคมไฟหน้า 4 ดวง พร้อมไฟสำหรับการขับขี่ในกลางวัน แบบ LED และตัวถังปราศจากเสากลาง (B-pillar) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถสปอร์ตจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อผนวกกับจุดเด่นกับหลังคาแบบ soft-top ซึ่งผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษและสามารถเปิด-ปิดได้ภายในเวลา 20 วินาที แม้ในขณะรถวิ่งมาด้วยความเร็วถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ภายนอกแลดูสง่างามและลงตัว

เครื่องยนต์ CGI 4 สูบแถวเรียงรุ่นใหม่ ขนาด1,796 ซีซี ให้สมรถนะการขับขี่ที่เหลือล้นด้วยกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ในช่วง 2,000 – 4,300 ต่อนาที ทำให้ E-Clas Calbrioletมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรเพียง 7.8 วินาที และสามารถแรงกระชากใจด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 13 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น

พละกำลังทั้งหมดถูกถ่ายทอดลงสู่ล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 5 สปีด และเพิ่มอรรถรสการขับขี่ให้เร้าใจมากยิ่งขึ้นด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์แบบวัน ทัช (One-touch Shift) นอกจากนี้ยังมีค่าสัมประสิทธิเสียดทาน(cd) เพียง 0.28 ซึ่งต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน

E-Class Cabriolet มาพร้อมกับ AIRCAP® แผงบังคับทิศทางลม นวัตกรรมล่าสุดเพื่อให้ความสะดวกสบายกับผู้โดยสาร โดยขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่แผงบังคับที่ทางลมซึ่งอยู่ด้านบนของกรอบกระจกบังลมหน้า จะทำหน้าที่หันเหกระแสลมให้ลอยข้ามห้องโดยสาร พร้อมกันนี้แผงกั้นลม (draught-stop) ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างพนักพิงศีรษะของเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง จะป้องกันไม่ให้กระแสลมไหลย้อนกลับ

ด้วยการทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ นอกจากยังช่วยป้องกันการเกิดหลุมอากาศ (turbulence) ในห้องโดยสาร ทำให้การสนทนาระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารไม่สะดุดลงกลางคันเนื่องจาก ถูกเสียงของกระแสลมรบกวน ส่งผลให้ระดับเสียงภายในห้องโดยสารลดลงถึง 4 เดซิเบล

ด้านความปลอดภัยทางเบนซ์ก็จัดมาให้ครบครัน รวมถึงโครงคุ้มกันนิรภัย (roll-over bars) ซึ่งติดตั้งอยู่ภายในพนักพิงศีรษะของเบาะนั่งทางหลัง และจะดีดตัวสูงขึ้นโดยอัตโนมัติในสถานการณ์คับขัน นอกจากนั้นรถเปิดประทุนคันนี้ยังประกอบด้วย headbags ถุงลมนิรภัยป้องกันศีรษะขนาด 17 ลิตร สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ความปลอดภัยล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ

ไม่เพียงเท่านี้ เบนซ์ยังมีระบบป้องกันเหตุอื่นๆติดตั้งมากับเจ้าเปิดประทุนคันงามนี้อีกด้วย อาทิ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับ (ATTENTION ASSIST) ระบบ PRE-SAFE® และระบบไฟอัจฉริยะ (Intelligent Light System) ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น E Class

 

เมอร์เซเดส-เบนซ์เสนอราคา E 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE Cabriolet สนนราคาที่ 5,599,000 บาท

 

Sanook! Auto Comment

 

การนะรถยนต์เปิดประทุนเข้ามาของทางค่ายเบนซ์นั้น ถือเป็นการเติมไลน์ทางเลือกให้ครบตามแบบฉบับ เศรษฐีอยากมีอยากได้ แต่การนำรถสปอร์ตเข้ามาทำตลาดนี้ก็ยังเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ชัดว่า ค่ายดาวสามแฉกกำลังเริ่มเห็นแววอะไรบางอย่างในตลาดรถยนต์หรูบ้านเรา ซึ่งการนำ E-Class Carbriolet เข้ามานี้เหมือนเป็นการชิมลาง แต่คงต้องจับตาต่อไปว่า เบนซ์จะมีไม้เด็ดอะไร หลังจากที่ปล่อยให้ตราพัดฟ้าลุกไล่ในกลุ่มรถหรูมาเกือบทั้งปี