รีวิว Mazda 2 2015 SKYACTIV-D ตัวเล็กทรงพลัง ปรับปรุงดีขึ้นในทุกด้าน

รีวิว Mazda 2 2015 SKYACTIV-D ตัวเล็กทรงพลัง ปรับปรุงดีขึ้นในทุกด้าน

รีวิว Mazda 2 2015 SKYACTIV-D ตัวเล็กทรงพลัง ปรับปรุงดีขึ้นในทุกด้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     Mazda 2 SKYACTIV-D ใหม่ ถือเป็นการพลิกโฉมรถยนต์นั่งขนาดซับคอมแพ็คในไทย เพราะมาพร้อมเครื่องยนต์คลีนดีเซลที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรงและประหยัดน้ำมันควบคู่กันไป ซึ่งจากการทดสอบในครั้งนี้ เราต้องยอมรับเลยว่า นี่คือซับคอมแพ็คที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาในตลาดเมืองไทย! ยังไม่เชื่อใช่ไหม? งั้นตามผู้เขียนมาเลยครับ


     ก่อนหน้านี้ Sanook! Auto เคยได้มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบ 2015 Mazda 2 SKYACTIV-D ใหม่ บนสนามแข่งโบนันซ่าเซอร์กิตมาแล้ว ถึงแม้จะเป็นการทดลองขับสั้นๆ แต่ก็สร้างความประทับใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งความแรงสมคำคุยของมาสด้า และความหรูหราของห้องโดยสารภายในที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด

     คราวนี้ ทีมงานได้รับเกียรติเข้าร่วมทดสอบไกลถึงจังหวัดเชียงราย บนเส้นทาง เชียงราย-ดอยตุง เพื่อให้สัมผัสสมรรถนะกันแบบยาวๆ รวมถึงคุณสมบัติอันดีงามทั้งหลายที่ผสานกันอย่างลงตัวใน Mazda 2 เจเนอเรชั่นใหม่คันนี้

     ก่อนจะเล่าถึงการขับขี่นั้น เราไปดูกันว่า Mazda 2 โฉมใหม่ มีลูกเล่นอะไรมาให้บ้าง?



     Mazda 2 2015 ใหม่ มีตัวถังให้เลือกทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบ็ค 5 ประตู เช่นเคย รูปลักษณ์ภายนอกถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็พท์ KODO ที่ดูเปี่ยมไปด้วยพลังรอใครสักคนมาปลดปล่อย (ขนาดนั้นเชียว...) ติดตั้งไฟหน้ามัลติรีเฟลคเตอร์ฮาโลเจน ออกแบบต่อเนื่องกับกระจังหน้าทรงห้าเหลี่ยม ตกแต่งด้วยโครเมี่ยมช่วยให้ดูมีมิติ ติดตั้งไฟตัดหมอกคู่หน้า (ในรุ่น XD High Plus)

 

     รูปลักษณ์ด้านท้ายทั้งในเวอร์ชั่นซีดานและแฮทช์แบ็ค ถูกออกแบบอย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นซีดาน ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบและการใช้งานของแต่ละบุคคล ขณะที่มิติตัวถังในรุ่นซีดานอยู่ที่ 4,320 x 1,695 x 1,470 มิลลิเมตร (ยาวxกว้างxสูง ) ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็คอยู่ที่ 4,060 x 1,695 x 1,495 มิลลิเมตร (ยาวxกว้างxสูง ) ระยะฐานล้อเท่ากันที่ 2,570 มิลลิเมตร ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว (ในรุ่น XD High Plus)

     นอกจากนั้น ยังติดตั้งกระจกหน้าแบบลดเสียงรบกวน และกระจกกรองแสงรอบคัน ให้ครบทุกรุ่นย่อย

 

     ห้องโดยสารภายในถูกตกแต่งดูดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างผิดหูผิดตา จากเดิมที่เต็มไปด้วยพลาสติกแข็งๆรอบห้องโดยสาร ในรุ่นใหม่นี้มีการติดตั้งวัสดุอ่อนนุ่มในจุดที่สัมผัสกับร่างกายบ่อยๆ เช่น แผงประตู, แผงคอนโซล ฯลฯ รวมถึงตกแต่งด้วยลายเคฟล่าและเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดงอย่างลงตัว ช่วยเพิ่มอารมณ์พรีเมี่ยมและสปอร์ตขึ้นเยอะ

     ขณะที่เบาะโดยสารหุ้มด้วยหนังสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง สามารถปรับสูง-ต่ำได้ (เฉพาะฝั่งคนขับ) ส่วนเบาะหลังถูกติดตั้งพนักพิงศีรษะปรับสูง-ต่ำสำหรับผู้โดยสารตรงกลางมาให้ด้วย รองรับการพับแบบ 60:40 ผ่านปุ่มภายในห้องเก็บสัมภาระท้าย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย

 

     คอนโซลหน้าโดดเด่นด้วยหน้าจอสีแบบสัมผัส Center Display ขนาด 7 นิ้ว ควบคุมการสั่งงานด้วยปุ่ม Center Commander แบบหมุนบริเวณเบรกมือ พร้อมคีย์ลัดเข้าสู่เมนูต่างๆ ซึ่งหน้าจอดังกล่าวใช้ควบคุมทั้งระบบเครื่องเสียง, ระบบนำทาง (อ็อพชั่นเสริม), ระะบบโทรศัพท์, การตั้งค่าตัวรถ รวมถึงใช้ตรวจสอบการทำงานของระบบ i-ELOOP และ i-stop ได้อีกด้วย

     เหนือคอนโซลฝั่งผู้ขับถูกติดตั้งด้วยหน้าจอ Active Driving Display สำหรับบอกความเร็ว, พวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ, ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย, ไฟภายในห้องโดยสาร 2 ตำแหน่งหน้า-หลัง, แผงบังแดดพร้อมกระจกส่องหน้ามีฝาปิด ฯลฯ

 

     ขณะที่เครื่องเสียงสามารถเล่น CD/MP3 จำนวน 1 แผ่น รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมปุ่มรับ-วางสายที่พวงมาลัย ติดตั้งช่องเสียบ USB มาให้ 2 ช่อง พร้อม AUX อีก 1 ช่อง รวมถึงช่องใส่ SD Card สำหรับระบบนำทาง (อุปกรณ์เสริม) ขับพลังเสียงผ่านลำโพงภายในรถ 6 ตัวด้วยกัน

     ด้านขุมพลังของ Mazda 2 2015 ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ความจุ 1.5 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบแปรผัน มาให้ทุกรุ่น ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบต่อนาที ขณะที่แรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตัน-เมตร ที่รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,500 – 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE แบบ 6 สปีด ซึ่งยังคงให้ความรู้สึกสไตล์สปอร์ตต่างจากคู่แข่งที่หันไปคบเกียร์ CVT กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว

 

     ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบกึ่งอิสระพร้อมทอร์ชั่นบีม พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยน พร้อมพาวเวอร์ไฟฟ้า ติดตั้งดิสก์เบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (เฉพาะรุ่น XD High Plus)

     นอกเหนือจากเทคโนโลยี SKYACTIV ทั้งในเครื่องยนต์, เกียร์อัตโนมัติ, โครงสร้าง และช่วงล่าง ยังถูกติดตั้งระบบ i-stop และ i-ELOOP เป็นครั้งแรกของมาสด้าในเมืองไทย โดยระบบ i-stop ก็คือระบบดับเครื่องยนต์ชั่วคราวขณะจอดติดไฟแดงเพื่อหยุดการซดน้ำมัน

     ขณะที่ไฮไลท์เด็ดก็คือระบบ i-ELOOP ที่ช่วยเก็บประจุไฟจากการเบรกไปไว้ในแบตเตอรี่ เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ ทำให้ลดภาระเครื่องยนต์ ช่วยลดการใช้น้ำมันได้อีกทางหนึ่ง

 

     เส้นทางการขับขี่ครั้งนี้ มีให้ทดสอบทั้งทางเรียบ ทางขึ้นเขา และทางโค้งให้ได้ทดสอบสมรรถนะกันแบบเต็มๆ โดยคันที่เราได้มีโอกาสทดสอบเป็นรุ่น ซีดาน 4 ประตู XD High Plus อันเป็นรุ่นท็อปสุดในตัวถังซีดานนั่นเอง

     เมื่อเข้ามานั่งอยู่ภายในตัวรถ แม้ว่าภายนอกจะดูมีขนาดกะทัดรัด แต่การโดยสารบนเบาะนั่งคู่หน้าก็ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังถูกปรับให้เอนมากกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย ช่วยให้นั่งได้สบายขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังคงรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ขณะที่การตกแต่งภายในช่วยให้ตัวรถดูพรีเมี่ยมขึ้นพอสมควร ขณะที่เบาะโดยสารคู่หน้ามีขนาดเล็กไปนิด แต่ก็แลกมาด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย

     เริ่มออกเดินทางจากโรงแรม เลอ เมอริเดียน มุ่งหน้าสู่ดอยตุง จุดเด่นที่สัมผัสได้ทันทีคืออัตราเร่ง ด้วยแรงบิดกว่า 250 นิวตัน-เมตร บนตัวถังขนาดเล็ก ทำให้ตัวรถไต่ทะยานความเร็วได้อย่างรวดเร็ว เผลอแป๊ปเดียวความเร็วขึ้นมา 120 กม./ชม.ได้อย่างสบายๆ โดยใช้รอบเครื่องยนต์ราว 2,100 รอบต่อนาทีเท่านั้น

 

     ช่วงล่างถูกเซ็ทมาแบบนุ่มหนึบ ลงตัวระหว่างความนุ่มของสปริงและการยึดเกาะถนน กล่าวคือ ให้ความมั่นใจที่ความเร็วสูง แต่เมื่อผ่านพื้นผิวขรุขระบนถนนก็ไม่รู้สึกตึงตังเหมือนในรุ่นก่อน รวมถึงการดูดซับแรงสะเทือนในช่วงความเร็วต่ำก็ทำได้ดีกว่าที่คิด (ขณะที่รุ่นเดิมค่อนข้างแข็งตามเอกลักษณ์ของมาสด้า)

     โดยรวมแล้วคาแร็คเตอร์เหมือนเรากำลังขับรถระดับ C-Segment ที่มีช่วงล่างนุ่มๆหนึบๆยังไงยังงั้น จนแทบอยากจะเรียกว่ามันเป็นช่วงล่างที่ดีที่สุดของรถระดับเดียวกันในท้องตลาดขณะนี้เลยทีเดียว

 

     ฟีลลิ่งของพวงมาลัยถูกเซ็ทคล้ายกับรถยุโรป ซึ่งให้ความแม่นยำดี ระยะฟรีน้อย กระชับ แต่ยังให้ความรู้สึกมั่นใจที่ความเร็วสูง ขณะที่การเบรกสามารถลดความเร็วลงได้ทันใจ ระยะแป้นเบรกค่อนข้างตื้น แต่ก็ให้การตอบสนองในการชะลอความเร็วได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการหน้าทิ่มให้เห็น

     เมื่อมาถึงช่วงขาขึ้นดอยตุงนั้น แรงบิดจากขุมพลัง SKYACTIV-D ก็แสดงให้เห็นถึงความดีงามอีกครั้ง เพราะการขึ้นทางลาดนั้น สามารถใช้รอบราว 2,000 รอบไต่เนินชันได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องลากรอบสูงๆให้เสียงเครื่องยนต์รบกวนประสาทหูเหมือนในเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก

 

     เมื่อมาถึงจุดพักแรกบริเวณสวนแม่ฟ้าหลวง เราลองดูอัตราสิ้นเปลืองบนหน้าจอที่ถูกรีเซ็ทมาจากจุดปล่อยตัว หน้าจอแสดงตัวเลข 6.6 ลิตร/ 100 กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับใช้น้ำมันราว 15.15 กม./ลิตรเท่านั้น! ตลอดระยะทางกว่า 53 กิโลเมตร ที่เร่งออกตัวแบบไม่บันยะบันยัง รวมถึงทำความเร็วระดับ 140-150 กม./ชม.กันบ้าง แล้วไหนจะขึ้นดอยอีก ตัวเลขนี้จึงทำให้เรารู้สึกทึ่งในอัตราสิ้นเปลืองของ Mazda 2 ใหม่จริงๆ

     ส่วนในขากลับเราได้มีโอกาสเป็นผู้โดยสาร ในรุ่นตัวถังแฮทช์แบ็ค 5 ประตู XD High ซึ่งยังคงสมรรถนะไว้แทบไม่ต่างกับรุ่นท็อป เพียงแต่ถูกตัดอ็อพชั่นบางอย่างออกไป เช่น หน้าจอขนาด 7 นิ้วพร้อมปุ่มควบคุม, ช่อง USB เหลือเพียง 1 ช่อง, ไม่รองรับระบบนำทาง, ลำโพงจาก 6 จุดเหลือ 4 จุด ฯลฯ รวมถึงรายละเอียดการตกแต่งภายในห้องโดยสารเล็กๆน้อยๆ

 

     สรุป Mazda 2 ใหม่ ถูกเปิดตัวในไทยด้วยราคาที่ฉีกไปจากคู่แข่งอย่างน่าตกใจ นั่นอาจทำให้ใครหลายคนรีบเบือนหน้าหนีไปเสียก่อน แต่อย่าเพิ่งครับ! เพราะหลังจากเราได้ทดสอบสมรรถนะกันในทริปนี้ กลับทำให้เห็นคุณงามความดีของ Mazda 2 มากกว่าที่ตาเห็นขึ้นอีกเยอะ

     ไม่ว่าจะเป็นฟีลลิ่งโดยรวมที่ใกล้เคียงกับรถยุโรปหรู สมรรถนะการขับขี่ที่ ‘ซูม-ซูม’ อย่างที่ไม่มีวันพบเห็นในรุ่นที่แล้ว  รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอันยอดเยี่ยม สิ่งเหล่านี้แทบจะทำให้เรามองข้ามราคาค่าตัวสูงลิบลิ่วของมันไปได้อย่างง่ายดาย


  • สิ่งที่ชอบ เครื่องยนต์แรง, เกียร์ SKYACTIV-DRIVE ให้ฟีลลิ่งการเปลี่ยนเกียร์ดี.ห้องโดยสารตกแต่งอย่างประณีต ให้พื้นผิวสัมผัสที่ดี, ช่วงล่างที่บาลานซ์กันพอดีทั้งความนุ่มและหนึบ, ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองอันยอดเยี่ยม
  • สิ่งที่ไม่ชอบ ห้องโดยสารอึดอัดไปนิด, เบาะนั่งคู่หน้ามีขนาดค่อนข้างเล็ก, เสียงเครื่องยนต์ที่รอบสูงเข้ามาในห้องโดยสารชัดเจน, ไม่มีไฟโปรเจคเตอร์มาให้
  • ความเห็นของเรา แม้ว่าราคาอาจจะสูงไปนิด แต่เทียบกับสิ่งที่ได้มันช่างคุ้มค่าเหลือเกิน หากใครกำลังมองหารถยนต์ที่เน้นความสนุกสนานในการขับขี่แล้วล่ะก็ Mazda 2 ใหม่ คือคำตอบที่ลงตัวที่สุดแล้วในเวลานี้

 

    

     ราคา Mazda 2 2015 SKYACTIV-D ใหม่ มีดังนี้

     แฮทช์แบ็ค 5 ประตู

  • XD Sports – 675,000 บาท
  • XD Sports High – 735,000 บาท *รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ
  • XD Sports High Plus – 790,000 บาท

     ซีดาน 4 ประตู

  • XD – 675,000 บาท
  • XD High – 735,000 บาท
  • XD High Plus – 790,000 บาท *รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ

 

     ขอขอบคุณบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นอย่างสูงที่ให้เกียรติเชิญทีมงานเข้าร่วมทดสอบ Mazda 2 ใหม่ ในครั้งนี้

 

 

อัลบั้มภาพ 52 ภาพ

อัลบั้มภาพ 52 ภาพ ของ รีวิว Mazda 2 2015 SKYACTIV-D ตัวเล็กทรงพลัง ปรับปรุงดีขึ้นในทุกด้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook