BMW Concept ActiveE สปอร์ตพลังไฟฟ้าสมรรถนะสูง
ค่ายยานยนต์หรูแห่งเยอรมนีโชว์สปอร์ตเล็ก พลังไฟฟ้ารุ่นต้นแบบ ชูความประหยัด ชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งวิ่งได้ไกล 160 กม. ขณะที่สมรรถนะเร้าใจด้วยความเร็วต้น 9 วินาที
หลังจาก MINI E ยานยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (All-electric Vehicle: EV) รุ่นแรกของค่าย ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กระตุ้นให้บีเอ็มดับเบิลยูคลอด BMW Concept ActiveE ออกมาทักทายแฟนคลับ
BMW Concept ActiveE เป็นอีวีชนิดมีปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่ในตัว (Plug-in) เช่นเดียวกับ MINI E พัฒนาจาก 1 Series Coupe ใช้เลย์เอาต์ขับเคลื่อนล้อหลังของรุ่นมาตรฐาน โดยถอดเครื่องยนต์ออกและติดตั้งมอเตอร์ขับเคลื่อนไว้ด้านหลัง
มอเตอร์ขับเคลื่อนชนิด Synchronous รีดกำลังได้ 170 แรงม้า (PS) และแรงบิด 184 ปอนด์-ฟุต รับพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนชนิดระบายความร้อนด้วยของเหลว 2 แพ็ก จัดวางไว้แทนที่กลไกถ่ายทอดกำลังและถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรุ่นมาตรฐาน
แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนรุ่นนี้เป็นผลงานพัฒนาร่วมกันระหว่างบีเอ็มฯ กับบริษัท SB LiMotive มีความจุสูง ชาร์จหนึ่งครั้งสามารถวิ่งได้ประมาณ 160 กม. เท่ากับ MINI E สามารถชาร์จได้จากสถานีบริการและกล่องชาร์จชนิดติดผนังบ้าน สถานีบริการในยุโรปใช้ไฟฟ้าแรงสูงขนาด 50 แอมแปร์ ใช้เวลาชาร์จประมาณ 3 ชม.
ส่วนของน้ำหนักเป็นปัญหาสำคัญของอีวีต้นแบบรุ่นนี้ เนื่องจากหนักถึง 1,800 กก. หนักกว่า 1 Series Coupe ประมาณ 250 กก. และ MINI E ประมาณ 335 กก. ขณะที่อัตรากระจายน้ำหนักระหว่างเพลาหน้าและหลังสมดุลเต็มร้อยที่ 50:50
อย่างไรก็ตาม แม้น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นแต่ด้านสมรรถนะยังคงโดดเด่น โดยเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9 วินาที ช้ากว่า MINI E เล็กน้อย ประมาณ 0.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ 145 กม./ชม.
ภายในห้องโดยสาร คงเลย์เอาต์เบาะ 4 ที่นั่ง เหมือนกับรุ่นมาตรฐาน แต่ห้องเก็บของใต้กระโปรงหลังถูกมอเตอร์ไฟฟ้าและอุปกรณ์เกี่ยวข้องเบียด พื้นที่ไปส่วนหนึ่ง ทำให้ความจุเหลือ 200 ลิตร
สำหรับแผนในอนาคต บีเอ็มฯ กำหนดผลิตอีวีจากคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้จำนวนจำกัดในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยเป็นแผนส่วนหนึ่งในโครงการ "project i" โปรดักชั่นคาร์รุ่นแรกจะปล่อยเช่าแก่ลูกค้าที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว
Sanook Auto Comment
ถือว่าเป็นสมรรถนะที่เร้าใจวัยรุ่นอย่างมาก กับ BMW รุ่นนี้ ที่หาก ตอนนี้ทำได้ 9 วินาที ในอนาคต รถสปอร์ตสายพันธุ์ไฟฟ้าคงแห่ ออกมากันมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เทรนด์โลกอนาคตจะเป็นอย่างไร เราคงต้องดูกันต่อ ซึ่งเราหวังว่า แม้รถสปอร์ตจะหันไปขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่ความมันส์นั้น น่าจะเหมือนเคย