เคาะขาย 130 ล้าน รถสายลับ James bond 007

กำลังเป็นที่โจษจันกันไปทั่วโลกเลยทีเดียวสำหรับการประมูลรถยนต์สุดคลาสสิค ที่หนึ่งนั้น เป็นรถยนต์เจ้าตำนานจากภาพยนต์สายลับเจ้าเสน่ห์ Jame Bond 007 ตอน gold Finger ที่ออกฉายเมื่อปี 1964

เจ้า astomn Martin DB 5 ทะเบียน JB 007 ถูกนำขึ้นประมูลในงานแสดงรถหรูที่ประเทศอังกฤษ ที่จัดโดย RM Auction และหลังจากที่ค้อนทุบลงโต๊ะสิ้นสุดการประมูลรถคันนี้ที่เคยใช้ประกอบในภายยนต์สายลับ 007 ตอน Goldfinger และเคยอยู่ในมือของ ชอร์น คันเนอร์รี่ ที่แสดงเป็นสายลับเจ้าเสน่ห์ในตอนนั้น ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวแสดงเป็นเพียส บรอสแมนนั้น ด้วยราคาที่ยังสูงกว่า 2.6 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 130 ล้านบาท (จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินวันที่ 29 ตุลาคม 2553)

ในเรื่องรถคันนี้ถูกดัดแปลงโดย Q นายช่างเทคนิค ที่ทำให้รถคันนี้ดูพิเศษ ด้วยทะเบียนเปลี่ยนได้ ตัวถังกันกระสุน กันชนยื่นได้ ระเบิดควัน ปล่อยน้ำมันเครื่อง รวมถึงตะปูได้ และแน่นอนในภาพยนต์มันมีปืนกลไว้ปรายเหล่าร้าย รวมถึงปุ่มเด้งผู้โดยสารที่อาจอยากทำเมื่อเบื่อตุ๊กตาหน้ารถ ก็ส่งเธอลงข้างทางไปเสีย

ว่ากันว่าฟังชั่นทั้งหมดที่อยู่ในภาพยนต์คุณจะพบได้ในรถคันนี้และมันยังสามารถใช้ได้จริงๆ โดยรถคันนี้ที่ใช้ถ่ายทำจริงในภาพยนต์นั้นมีทั้งหมด 2 คัน โดยคันหนึ่งถูกรายงานเมื่อปี 1997 ว่าถูกขโมย และท้ายสุดถูกทำลาย ในขณะที่คันที่ 2 คือคันที่นำมาประมูล คือคันสุดท้ายที่ซื้อไปโดย Jerry Lee ในปี 1969 ด้วยราคา 8000 ปอนด์ ซึ่งรายได้จากเมื่อคืนนั้นจะถูกเข้าสมทบทุลกองทุนเพื่อการกุศลของ Jerry lee ด้วย

ทั้งนี้เจ้าของรถคนใหม่ นอกจากจะได้รถ และเสียเงิน 130 ล้าน แล้ว เขายังได้ตั๋วบินฟรีไปเที่ยวฟรีที่หมู่เกาะคาร์ริบเบียน ที่ว่ากันว่า Ian Flemming เขียนนิยายสายลับที่นั่น ในมูลค่ากว่า 40,000 ปอนด์ และยังไม่พอเพื่อให้เข้กับรถที่ขับ เขาจะยังได้รับการวัดตัวตัดสูทใหม่จาก Gieves & Hawkes จากช่างมือฉมังอันดับ 1 Savile Row ที่ ชอร์น คันเนอร์รี่ เลือกใช้ในการตัดสูตรของเขา

 

Sanook Auto Comment

 

แม้เจ้า 130 ล้านบาท ไม่ธรรมดาจริงๆ และน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ เมื่อคุณอาจกำลังมองหารถที่คลาสสิคไม่เหมือนใคร และกำลังอยากไปเที่ยวหมู่เกาะอันสวยงามพร้อมกับ สูตรเนี๊ยบๆสักตัว แต่คงไม่ใช่กับคนทั่วๆไป

อย่างไรก้ดี รถคันนี้เหมาะที่จะอยู่ในพิพิธภัณฑ์มากกว่า และคำถามที่เราอดสงสัยไม่ได้คือว่ารถรุ่นนี้เป็นรถที่มีอุปกรณ์สายลับจริงๆหรือไม่