สงครามอีโค่คาร์ปะทุ อีก 2 ปี รถเล็กแห่ถล่มตลาด

สงครามอีโค่คาร์ปะทุ อีก 2 ปี รถเล็กแห่ถล่มตลาด

สงครามอีโค่คาร์ปะทุ อีก 2 ปี รถเล็กแห่ถล่มตลาด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บรรยากาศตลาดรถยนต์ช่วงนี้ถือว่ามีกระแสตอบรับที่ดีกับการซื้อขายที่ดีเสียจนค่ายรถยนต์ต่างหน้าบาน โดยเฉพาะ nissan ที่เปิดตัว March Eco-car รุ่นแรกที่นำและครองตลาดได้อย่างไม่ยากเย็นในราคา 3.75 แสนบาท
     March ถือเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการอีโค่คาร์หลังจากที่รถรุ่นนี้เริ่มวางขายค่ายเจ้าตลาดอื่นๆต่างก็ขานรับในการลงทุนผลิตสินค้าตัวใหม่ มาชนกัน หลังเห็นศักยภาพตลาด ที่ nissan กลายเป็นเสือนอนกินในช่วงไม่กี่เดือน ด้วยยอดขายที่ทะลุไปแล้วกว่า 20,000 คันเลยทีเดียว

รถอีโค่คาร์รถอีโค่คาร์

    การประทุเดือดของตลาดรถอีโค่คาร์เป็นไปตามการออกมาตอบโต้สงครามการตลาดของค่ายยักษ์ใหญ่ที่เริ่มจาก honda โดยนาย อาซึชิ ฟูจิโมโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในปีหน้า ฮอนด้าจะเริ่มนำรถอีโค่คาร์แนะนำออกสู่ตลาดโดยคาดว่า จะขายได้ 30,000 คัน ในประเทศไทย และ จะส่งออกอีก 10,000 คัน แต่ภายใน 5ปี บริษัทจะมีกำลังผลิตกว่า 100,000 คันต่อปี
    ด้านมิตซูบิชิ ค่ายรถยนต์ที่เพิ่งจะตัดสินใจลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้าน เพื่อสร้างโรงงานตามแผนงาน "โกลบอล สมอลคาร์"นั้น ระบุว่า ทางค่ายเองคงจะเริ่มผลิตรถอีโค่คาร์มาจำหน่ายได้ในอีก 2 ปี ข้างหน้า โดยปีแรกจะมีกำลังผลิตที่ 5 หมื่นคันในเบื้องต้น แต่เมื่อเดินกำลังเต็มที่โรงงานแห่งใหม่นี้จะมีกำลังผลิตกว่า 200,000 คัน ต่อปี เลยทีเดียว

รถอีโค่คาร์รถอีโค่คาร์

รถอีโค่คาร์รถอีโค่คาร์

ในขณะที่ค่ายรถยนต์ Suzuki ทางค่ายจะเลือกรถยนต์ที่มีขนาด 996 ซีซี และ 1242 ซีซี เข้ามาทำตลาด โดยวางเป้าจำหน่ายในประเทศ 19% ที่เหลือส่งออกไปยัง ออสเตรเลียและแอฟริกา โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในต้นปีหน้าที่จะถึงนี้
    ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อีกราย toyota เปิดเผยว่า ทางบริษัทวางแผน ผลิตรถยนต์ตามโครงการอีโค่คาร์โดยคาดว่าจะพร้อมจำหน่ายในปี 2555 โดยทางโตโยต้า ได้ใช้วิธีการปรับปรุงไลน์ผลิตเดิมที่มีอยู่แล้ว เหมือนกับฮอนด้า

รถอีโค่คาร์รถิีโค่คาร์

    ไม่เพียงทางด้านเอกชนเท่านั้นที่ต่างเดินหน้าทางโครงการอีโค่คาร์ของไทยสู่เวทีโลก แต่ภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรมออกมาขานรับในเรื่องนี้ด้วย โดย นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ในระหว่างหารือร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง ในการทบทวนโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่
    "จากเดิมที่เราจัดเก็บภาษีตามขนาดเครื่องยนต์ เพื่อให้ทันยุคทันสมัย จะมีการเปลี่ยนระบบโดยยึดความคุ้มค่าในการใช้พลังงาน มลภาวะที่ก่อขึ้น เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาไม่ว่าโครงการ E85 อีโค่คาร์ หรือการประหยัดพลังงาน จนถึงพลังงานทดแทนนั้น ต่างได้รับความสนใจจากเอกชน แต่รัฐขาดความชัดเจนเรื่องข้อเอื้อเฟื้อที่ทำให้น่าสนใจในการลงทุน ดังนั้นจึงต้องมีการทบทวนภาษีให้เหมาะสมยิ่งขึ้น"


   ทั้งนี้นี่เป็นเรื่องดีที่อีโค่คาร์จะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากค่ายรถที่จะทำให้เราได้มีโอกาสใช้รถนั่งยอดประหยัดราคาถูกกันอย่างถ้วนหน้า แต่คำถามที่สำคัญไปยิ่งหว่านั้นคือเมื่อรถยนต์ถูก คนออกรถง่ายขึ้น รัฐคงต้องหาวิธีกำจัดรถเก่าด้วยอีกทางหนึ่ง เพื่อให้ถนนไทยน่าใช้กว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่

Sanook Auto Comment

ถือว่าเป็นเรื่องที่ฟังแล้วเข้าทีมากๆ กับการรวมพลังผลักดันรถเล็กออกสู่ตลาดตามเทรนด์โลกที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้เป็นไปได้ว่าในเหล่าอีโค่คาร์ที่จะมาในอีก 1-2 ปีข้างหน้าอาจจะมีราคาถูกกว่าปัจจุบัน และถ้าการปรับโครงสร้างภาษีแล้วเสร็จสอดคล้องกัน อาจจะทำให้ตอบสนองคนที่อยากมีรถในทุกระดับอย่างแท้จริง

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook