Toyota Prius ได้เวลาตำนานไฮบริด ลุยไทย
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เสียทีกับเจ้าตำนานรถไฮบริดที่ครองใจคนใช้มาแล้วทั่วโลก ที่กำลังจะลงสนามวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย กับหมัดเด็ดในกลุ่มรถนั่งของค่ายรถยนต์สามห่วง ที่วันนี้มีการเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ
การมาของโตโยต้า พรีอุส ไฮบริดนั้น มีการพูดถึงมาสักพักใหญ่ในวงการรถยนต์บ้านเราพอสมควร แต่ยังไม่มีอะไรแน่ชัดมากนัก จนเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก้มีข่าวคราวมากขึ้น และมีการเผยทีเซอร์ ถึงการยืนยันในการออกมาทำตลาดแน่ๆในรถยนต์ไฮบริด ที่รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่ 2 หลังจากที่โตโยต้า เคยชกใต้เข็มขัดคู่แข่งนำ Camry Hybrid มาวางจำหน่าย และเป็นรถรุ่นแรกที่เป้นเครื่องยนต์ไฮบริดที่จำหน่ายจากดีเลอร์ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
Toyota Prius นับว่าเป็นรถไฮบริดที่มีคนเฝ้ารอมากกว่า ด้วยความที่มันมาตรฐานระดับโลกกับตำนานในรุ่นที่ 3 ที่โฉมนี้ โตโยต้านำมันเข้ามาประกอบขายในบ้านเรา พร้อมทั้งมีการปรับปรุงสมรรถนะรวมถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยให้เหมาะสมกับความเป็นเมืองร้อน ที่มักสร้างปัญหาความเสื่อมสภาพต่อตัวรถ
ภายนอก toyota Prius ไฮบริดเจ้าตำนานมาพร้อมใบหน้าที่คุ้นเคย ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจาทกรุ่นอื่นๆของค่าย ที่มันมีขนาดบอดี้ใกล้เคียงกับ Toyota Altis แต่มาพร้อมสไตล์ตัวถังท้ายลาดที่ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ลงตัวระหว่างรถซีดานทั่วไปกับความอเนกประสงค์แบบรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู
เส้นสาย ตัวถัง 5 ประตู เริ่มจากไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยว ด้วยชุดโคมไฟหน้าสุดล้ำแบบ LED ที่มาพร้อมระบบทำความสะอาดโคม ด้วยหัวฉีดน้ำที่สามารถซ่อนตัวได้หลังใช้งาน ตัวถังถูกออกแบบให้มีความลู่ลมเพื่อเพิ่มสมรรถนะความประหยัดมากยิ่งขึ้น แล้วลากผ่านตัวถังทางด้านข้างที่ลงตัวกับประตูทั้ง 4 บาน มาจรดบั้นท้ายที่อิ่มเอิบกับไฟท้าย LED ที่บ่งบอกถึงความเป็นรถไฮบริด นับว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ด้านในห้องโดยสารเต็มไปด้วยความไฮเทคและความสะดวกสบาย ที่ถูกผสานเข้ากับความหรูสุดๆตามแบบฉบับรถผู้ดี ซึ่งทั้งหมดจะพบได้ทันทีตั้งแต่เปิดประตูหย่อนร่างเข้าไปในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเบาะนั่งแบบพิเศษ ที่เพิ่มพื้นที่มากยิ่งขึ้นทางตอนหลัง เพื่อให้มีความสะดวกสบายมากยิ่ง ซึ่งไม่เพียงเท่านั้นชิ้นส่วนต่างของ Toyota Prius ยังมาพร้อมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นรถที่ลดโลกร้อนอย่างแท้จริง
ทั้งยังมาพร้อมระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) และ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) ที่มีจอแสดงข้อมูลการขับขี่เรืองแสง optitron ที่แสดงผลใน 3 โหมด แล้วแต่ต้องการ คือ โหมดการทำงานของระบบไฮบริด (Energy Monitor) โหมดแสดงผลการขับขี่แบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Hybrid System Indicator)และโหมดแสดงผลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (Consumption Record) ที่หากคุณเบื่อๆ ก็มีเครื่องเสียง ที่สามารถเล่น ซีดีได้ 6 แผ่น พร้อมความกระหึ่มกับลำโพง 8 จุดจากโรงงาน ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อ MP3 และช่องสัญญาณจากภายนอก ที่ ยังเชื่อมต่อการคุยโทรศัพท์ผ่านระบบ Bluetooth ได้อีกด้วย
แน่นอน คนที่เลือกซื้อ toyota Prius คงไม่ค่อยมองความสะดวกสบายและรูปลักษณ์นัก แต่คงคิดถึงสมรรถนะที่มีอย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะความประหยัดที่จะทำให้ เด็กปั้มอาจจะลืมหน้าคุณไปได้เลย เช่นเดียวกับรถติดคือสวรรค์ไม่ใช่นรกอย่างที่คิด
จุดเด่นในระบบการทำงานแบบผสมผสานหรือไฮบริดของ พรีอุสนั้น จะมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ Atkinson Cycle ในรหัส 2ZR-FXE ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน Vvti ให้กำลังเพียง 99 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที
เมื่อพูดถึงไฮบริดที่ทำงานผสมผสาน เจ้า Prius จึงมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยในการขับเคลื่อนให้มันไปข้างหน้าและมีส่วนเป็นตัวการทำให้รถรุ่นนี้มีความประหยัดมากยิ่งขึ้นด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกบรรจุไว้ในเจ้ารถรุ่นนี้นั้น แค่ตัวมอเตอร์เองก็มีกำลังมากถึง 82 แรง ม้า และแรงบิด 182 นิวตันเมตร ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เราขับขี่แล้วต้องการใช้ระบบเต็มกำลัง Toyota Prius จะมีแรงดึงกระชากใจมากถึง 181 แรงม้าเลยทีเดียว
อาจจะกล่าวได้อย่างเต็มปากว่ารถรุ่นนี้แรงและประหยัดอย่างไม่ธรรมดา และด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าที่คุณจะหาได้ในรถรุ่นอื่นๆนั้น มันขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับสำรองไฟฟ้าด้วยแบตเตอร์รี่ Ni-HM (Nickel-Metal Hydride) ซึ่งคุณยังสามารถเลือกขับเจ้า Prius ได้ใน 3 โหมด คือ โหมดการขับขี่ทรงพลัง (PWR Mode) ระบบจะผสานกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ โหมดการขับขี่ประหยัดน้ำมัน (ECO Mode) ซึ่งระบบจะเลือกใช้กำลังในการขับเคลื่อน จากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ให้เหมาะสม และ โหมดการขับขี่เงียบสนิท (EV Mode) ระบบจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งเหมาะใช้ขับขี่ในเขตความเร็วต่ำ
ด้านระบบรักษาความปลอดภัย ก็มาอย่างครบครันเช่นเคย และไม่ต้องกลัวว่า 180 แรงม้าของ Prius จะพาคุณถูลู่ถูกังไปตามถนน เพราะรถรุ่นนี้มาพร้อม หลากระบบอิเล็คทรอนิกส์ ที่ช่วยในการขับขี่ เริ่มจากระบบควบคุมการทรงตัว (VSC - Vehicle Stability Control) ที่ทำงานร่วมกับ EPS (Electronic Power Steering) ช่วยคุณผ่อนแรงในยามเลี้ยวหรือแก้ไขปัญหา และยังมีระบบ TRC อีกประการที่สำคัญ ช่วยลดอาการล้อฟรียามออกตัว
หากเมื่อใดที่เกิดเหตุสุดวิสัยเจ้า toyota Prius ก็พร้อมที่จะรักษาความปลอดภัย เริ่มตั้งแต่เมื่อคุณเบรค ที่ สัญญาณไฟเบรกกระพริบ (Emergency Stop Lamps) จะทำงานทันทีเมื่อคุณมีการเบรคกระทันหัน ตามด้วยการกระจายน้ำหนักแรงเบรคเพื่อรักษาสมดุล EBD (Electronic Brake-force Distribution) และป้องกันล้อล็อคยามเส้นทางลื่นเป็นปลาไหล ด้วยระบบ ABS (Anti-lock Braking System )
ไม่เพียงเท่านี้ หากทุกอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคัน ที่มีตั้งแต่ที่เข่าคนขับ ด้านหน้า 2 จุด ม่าน 2 จุด และด้านข้าง 2 จุด จะทำงาน และยังมีลดการกระแทกจากด้านหลังช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการกระแทกบริเวณช่วงต้นคออีกด้วย
ทั้งหมดนี้มีเพียง toyota Prius เท่านั้น ที่ให้ความคุ้มค่า ประหยัดและปลอดภัย รวมเอาไว้ในหนึ่งเดียว จากรถไฮบริดเจ้าตำนานของค่าย 3 ห่วง ซึ่งสงนราคา มี จำหน่าย 2 รุ่น คือ Standard และ Top สงนราคาดูได้ตามตารางข้างล่างเลย
ราคาจำหน่าย Toyota Prius
Toyota Prius Standard ราคา 1,190,000 บาท
Toyota Prius Top ราคา 1,260,000 บาท
*สีขาวมีจำหน่ายในเฉพาะรุ่น Top เพิ่มราคาจากปกติอีก 10,000 บาท (1,270,000 บาท)
Sanook! Auto Comment
ในที่สุดเราก็ทราบราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถรุ่นดังกล่าว ที่หลายคนอาจจะชอบ และมีอีกหลายคนอาจจะไม่ชอบ เพราะคิดว่ามันแพงเกินไป
อันนี้มันนานาจิตตัง แต่ถ้าหากใครมีโอกาสใช้ไฮบริดจะรู้ว่าระบบการทำงานแบบผสมผสานนั้นมันช่างดีจริงๆ และยิ่งกว่าที่คุณคาดคิดเสียอีก ซึ่งระบบไฮบริดนั้นสามารถช่วยเซฟตัง ประหยัด และช่วยลดโลกร้อนได้อย่างไม่ต้องสงสัย