Mercedes Benz C300 Bluetec Hybrid Exclusive หรู แรง ประหยัด นั่งสบาย

 

     เทคโนโลยียานยนต์สมัยนี้ก้าวหน้ารวดเร็วเหลือเกิน สมัยก่อนถ้าอยากได้รถยนต์ที่แรง เร็ว ขับสนุกก็ต้องเครื่องยนต์เบนซิน แต่ก็ต้องแลกด้วยการสิ้นเปลืองน้ำมัน แถมบางครั้งยังต้องโมดิฟายกันชุดใหญ่ แต่ถ้าอยากได้รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ทนทานก็ต้องเครื่องดีเซล แต่สมัยก่อนส่วนมากจะอยู่ในรถกระบะ และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ซะส่วนมาก แต่ในยุคสมัยนี้วิวัฒนาการก้าวล้ำไปมาก เครื่องยนต์ดีเซลถูกจับมาพัฒนาใช้ในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมากขึ้น ทั้งในรถเก๋งขนาดเล็ก และรถยนต์ซีดานขนาดใหญ่

     ล่าสุดทาง GPI NEWS เลยจับเจ้า Mercedes Benz C300 Bluetec Hybrid Exclusive ทดลองขับกันว่ามันจะประหยัด และแรงขนาดไหน

 

     Mercedes Benz C300 Bluetec Hybrid  ดีไซน์ของรถยกมาจาก Mercedes Benz C-Class ทั้งหมด ตัวถังรถมีขนาดยาว 4,686 มิลลิเมตร กว้าง 1,810 มิลลิเมตร สูง 1,442 มิลลิเมตร และมีฐานล้อกว้าง 2,840 มิลลิเมตร ที่วันนี้เรานำมาทดลองขับเป็นรุ่น Exclusive ที่เน้นความหรูหรามากขึ้น ด้านหน้าของรถสะดุดตากับไฟหน้าแบบ LED ล้อกับเส้นสายเดยไลท์ LED แบบไฟเบอร์ออปติกที่ดูพลิ้วไหว กระจังหน้ายังคงออกแบบอย่างหรูหรา พร้อมตราดาวสามแฉกอยู่ด้านบน  ด้านข้างสะดุดตากับล้ออัลลอยดีไซน์หรูขนาด 17 นิ้ว เส้นสานตัวถังออกแบบอย่างอ่อนช้อยสวยงาม ไฟท้ายแบบ LED ขนาดพอเหมาะลงตัวกับรูปตัวถังแบบซีดาน ทั้งยังซ่อนท่อไอเสียเอาไว้อย่างแนบเนียน

 

     ภายในห้องโดยสารมีการปรับรายละเอียดให้กลมกลืนสวยงามดูหรูหราขึ้น พร้อมระบบอินโฟเทนเม้นท์ครบครัน ระบบมัลติมีเดีย COMAND Online ควบคุมการทำงานของวิทยุและดีวีดี สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พร้อม controller และระบบนำทาง(แล้วแต่รุ่น) เพื่อให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจขณะขับขี่ รวมทั้งระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ ที่ให้ความสะดวกสบายในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น

 

     โดดเด่นด้วยคอนโซลกลางแบบชิ้นเดียว เสริมความหรูหราด้วยลายไม้ แบบ Open-pore brown ash wood ตัดกับเส้นอลูมิเนียมได้อย่างลงตัว เบาะหนังสีครีมอ่อนสุดหรูปรับด้วยไฟฟ้า แต่ผมว่ามันจะเปื้อนได้ง่ายมากปุ่มปรับตำแหน่งเบาะจะอยู่แผงประตูด้านข้าง เบาะด้านหลังก็นั่งสบายและไม่ต้องกลัวร้อนเพราะมีแอร์ด้านหลังอีกต่างหาก

     เจ้า Mercedes Benz C300 Bluetec Hybrid Exclusive ใช้เครื่อง­ยนต์ ดีเซลเทอร์โบคู่ ขนาด 2,143 ซีซี จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมกัน 205 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร

     เรามาดูการทำงานของเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID เวลาสตาร์ทรถจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ใช้พลังงานแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว (กระแสไฟฟ้าเพียงพอ) แทนเครื่องยนต์ รวมถึงการขับเคลื่อนเมื่อเกียร์เดินหน้า หรือถอยหลัง และเมื่อเวลาแล่นด้วยความเร็วต่ำกว่า 35 กม./ชม. จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเช่นกัน และระบบปรับอากาศยังทำงานปกติ แต่หากวิ่งเกิน 35 กม./ชม. จะขับเคลื่อนโดยใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว และไปหมุนมอเตอร์ไฟฟ้าให้ทำหน้าที่ Generator ผลิตกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ด้วย

 

 

     ขณะที่รถเมื่อเร่งแซงอย่างเร็ว มอเตอร์ไฟฟ้าจะส่งกำลังขับเสริม(เพิ่มแรงบิด) ทำให้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานประสานกัน แต่ช่วงรถยนต์แล่นไหล หรือด้วยความเร็วสูงและชะลอลง (ไม่เกิน160 กม./ชม.) ทุกครั้งที่ปล่อยคันเร่ง หรือแตะเบรกเบาๆ เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน รถยนต์วิ่งไปต่อไปด้วยแรงเฉื่อย ระบบจะใช้แรงหมุนจากเพลาไปปั่นมอเตอร์ผลิตกระแสไฟ

     จากนั้นเมื่อความเร็วลดลงจนถึงระดับที่กำลังขับของมอเตอร์รักษาความเร็วนั้นต่อไปได้อีก มอเตอร์ไฟฟ้าจะส่งแรงหมุนเสริม เพื่อให้รถยนต์ยังคงวิ่งต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง โดยที่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน และเมื่อแบตเตอรี่เหลือไม่เพียงพอขับเคลื่อน หรือเหยียบคันเร่งอีกครั้ง เครื่องยนต์จึงจะเริ่มทำงานเพื่อขับเคลื่อนรถต่อไป ช่วงเบรกจะทำงานคล้ายๆ กับช่วงไหล และเมื่อรถหยุดหากปริมาณกระแสไฟฟ้าเพียงพอ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงาน แต่แอร์ยังทำงานปกติ และกรณีที่กระแสไฟฟ้าต่ำ เครื่องยนต์จะทำงานพร้อมหมุนมอเตอร์เพื่อปั่นไฟไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่

 

 

     เริ่มทำการทดลองขับ Mercedes Benz C300 Bluetec Hybrid Exclusive คันนี้ใช้ ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดผสานกำลังระหว่างเครื่อง­ยนต์ ดีเซลเทอร์โบคู่ ขนาด 2,143 ซีซี จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมกัน 205 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic Plus 7 สปีด การขับขี่ในเมืองที่รถค่อนข้างเยอะทำได้ดีมีความคล่องตัวสูงขับง่าย ลัดเลาะไปตามช่องว่างได้อย่างสบาย และเมื่อรถติดหนักๆก็ไม่ต้องกลัวเปลืองน้ำมัน เพราะมีโหมด ECO ในการขับเหมาะมากครับสำหรับการขับในเมือง เพราะระบบจะคำนวนการเปลี่ยนเกียร์ และลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นลงให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ

     เลี้ยวขึ้นทางด่วนทางค่อนข้างโล่งผมเลยเปลี่ยนโหมดไปเป็น Sport+ ลองเรื่องอัตราเร่งกันหน่อยกดคันเร่งลงไปความรู้สึกแตกต่างจากตอนอยู่โหมด ECO โดยสิ้นเชิงโหมดนี้ขุมพลังพร้อมจะตอบสนองทันทีเมื่อกดคันเร่ง

     จากการช่วยกันทำงานของระบบไฮบริด เพียงกดคันเร่งรถก็พุ่งออกไปทันที นับว่าเป็นรถที่ขับสนุกมากครับ อัตราเร่งไม่ถึงกับกระโจนออกแบบเครื่องไฮบริดเบนซินของค่ายคู่แข่ง แต่สำหรับเครื่องดีเซลถึงว่าจื๊ดจ๊าดโดนใจ แรงเอาเรื่องครับ 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.4 วินาที การเร่งแซงแน่นอนไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยสบายชิลล์ ขับไปเพลินๆความร็วไปแตะที่ 200 กม./ชม.แบบไม่รู้สึกว่าเร็วรถนิ่งมากครับ

     แอบบอกไว้นิดนึงหากขับในโหมดประหยัด E ซึ่งเป็นการนำระบบไฮบริดมาใช้เต็มรูปแบบ คันเร่งอาจจะรู้สึกช้าไปนิดๆ แต่ไม่มาก และเมื่อเปลี่ยนมาเป็นโหมด S การทำงานไวขึ้น และขับสนุกกว่า แต่น่ารำคาญตรงปุ่มเปลี่ยนโหมด ที่มาอยู่ข้างปุ่มควบคุมจอ COMAND แถมอยู่ฝั่งคนโดยสารอีก ทำให้ต้องยื่นมือไปปรับเสียจังหวะขับขี่ไปหน่อย 

     ขณะที่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะฉลาดแล้วครับทำงานไหลลื่นดีทีเดียว อาจจะสะดุดนิดๆ ช่วงลงมาเกียร์ต่ำ การบังคับควบคุมต่างๆ ให้ความมั่นใจดี ไม่ว่าจะเข้าโค้ง หรือหักหลบ ช่วงล่างตามสไตล์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ค่อนข้างทำออกมานุ่มนวล อาจจะไม่ถูกใจกับคนที่ชื่นชอบแนวสปอร์ต แต่ขับต่างจังหวัดรับรองสบายสุดยอดครับ

 

     อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงประมาณ 18 -19 กม./ลิตร แต่ในสภาพการวิ่งความเร็วสูงเกือบตลอด และรถติดบางครั้ง และยังสลับกับการลองใช้โหมด S ถือเป็นอัตราที่น่าพอใจทีเดียว ถ้าขับดีๆ 29.4 กม./ลิตรที่โรงงานเครมไว้ไม่น่ายากครับ ส่วนระบบความปลอดภัยของ Mercedes Benz C300 Bluetec Hybrid นั้นจัดเต็มสมกับมาตรฐานของเบนซ์

     เริ่มที่ถุงลมนิรภัยรวม 8 ตำแหน่ง ระบบเบรก ABS ระบบช่วยเบรก BAS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP กล้องมองถอยหลัง กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ไฟหน้าอัจฉริยะเปิดปิดอัตโนมัติและส่องตามทิศทางที่โค้ง และระบบ PRE-SAFE ปกป้องชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสารหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

     หากใครมองว่าจะซื้อรถเบนซ์ซักคันเป็นเรื่องยากเพราะราคาแพงมากแต่เดี๋ยวนี้เบนซ์ ประเทศไทยเค้าเปิดสายการผลิตรถยนต์รุ่น C 300 BlueTEC HYBRID ในประเทศไทยราคาจำหน่ายโดยรุ่น Exclusive มีราคาเริ่มต้น 2,840,000 บาท และรุ่น AMG Dynamic มีราคาเริ่มต้น 3,090,000 บาท ราคานี้ถือว่าคุ้มเพราะได้ทั้งเรื่องบริการหลังการขาย เทคโนโลยี ประหยัดน้ำมันสบายเงินในกระเป๋า แถมแรงอีกต่างหาก ขับในเมืองก็สะดวกหรูหรา ออกต่างจังหวัดก็นั่งสบายปลอดภัยนุ่มนวลตอลการเดินทาง เรียกได้ว่าครบครับคันนี้      

 

     เรื่อง/ภาพ : ณัฐพล เดชสิงห์

     เรียบเรียงข้อมูลโดย www.gpinews.com

     ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th