รีวิว Toyota Hilux Revo 2015 ใหม่ สวยลงตัว ขับสนุก อ็อพชั่นเพียบ

รีวิว Toyota Hilux Revo 2015 ใหม่ สวยลงตัว ขับสนุก อ็อพชั่นเพียบ

รีวิว Toyota Hilux Revo 2015 ใหม่ สวยลงตัว ขับสนุก อ็อพชั่นเพียบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     Toyota Revo 2015 ใหม่ เป็นรถกระบะที่มีกระแสตอบรับอย่างล้นหลามหลังจากถูกเปิดตัวไปช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเป็นแบรนด์เจ้าตลาดในไทย ประกอบกับความสดใหม่ที่ไม่มีใครเทียบได้ ณ วินาทีนี้ ช่วยกระตุ้นตลาดรถกระบะของไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

     Sanook! Auto จึงไม่พลาดที่จะเข้าร่วมทดสอบ โตโยต้า รีโว่ 2015 ใหม่ บนเส้นทางพิษณุโลก-อุดรธานี เพื่อกลับมาบอกเล่าประสบการณ์การขับขี่ให้คุณผู้อ่านได้รับทราบกัน

     โตโยต้า รีโว่ ใหม่ ถือเป็นรถกระบะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัวถังหรือแชชซีส์ ซึ่งวิศวกรของโตโยต้าลงทุนจับตะแคงตัวถังรถ ทั้งรีโว่ ใหม่ และวีโก้ แชมป์ เดิม เพื่อพิสูจน์ให้เราเห็นกันชัดๆ เลยว่า แม้แต่แชสซีส์ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมดจริงๆ (ติดตามได้ในช่วงท้ายๆ ของบทความครับ)

     โตโยต้า รีโว่ ตัวที่เราได้รับทดสอบในครั้งนี้ เป็นรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู 2.8G 4x4 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ซึ่งถือว่าเป็นตัวท็อปสุดของรุ่นเกียร์ธรรมดาที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน หากขยับขึ้นไปก็จะเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดนั่นเอง

 

     ก่อนอื่นเราขอพาไปดูรูปลักษณ์ภายนอกกันก่อน โดยรวมแล้ว โตโยต้า รีโว่ ใหม่ ถูกออกแบบให้ถูกคล้ายกับรถเก๋งมากขึ้น ซึ่งความสวยงามก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน แต่เท่าที่เราดูแล้วก็ถือว่าโฉบเฉี่ยว ลงตัวไม่เบา มีกลิ่นอายของเก๋งซีดานร่วมค่ายอย่าง ‘วีออส’ และ ‘อัลติส’ อยู่ไม่น้อย

     ไฟหน้าในรุ่น 2.8G ดับเบิ้ลแค็บ เป็นไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ร่วมสมัย กระจังหน้าโครเมี่ยมซี่แนวนอนขนาดใหญ่ออกแบบให้เชื่อมไฟหน้าทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกัน กันชนด้านล่างติดตั้งไฟตัดหมอกแบบฮาโลเจนทรงกลม ล้อมด้วยกรอบสีดำ

     ไฟหน้าของ ไฮลักซ์ รีโว่ ทุกรุ่น มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ เริ่มกันตั้งแต่รุ่นซิงเกิ้ลแค็บเลยทีเดียว ซึ่งตำแหน่ง OFF บนก้านไฟเลี้ยวปกตินั้น จะถูกแทนที่ด้วยตำแหน่ง AUTO รวมไปถึงไฟ Daytime Running Light (ในรุ่นรองเป็นแบบฮาโลเจน) และระบบ Follow-me-home ที่หน่วงเวลาปิดไฟหน้าให้ 30 วินาที สำหรับส่องทางเข้าบ้านหรือหากุญแจอะไรก็ว่ากันไป

 

     ไล่มาทางด้านข้าง จะเห็นเส้นสายที่ออกแบบให้โป่งนูนกว่ารุ่นก่อน ช่วยเพิ่มลุคบึกบึนมากขึ้น ติดตั้งมือจับประตูแบบโครเมี่ยม บันไดข้างสีดำ ตัวถังวางอยู่บนล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All Terrain ขนาด 265/65 R17

     ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายทรงสามเหลี่ยมแนวตั้ง พร้อมไฟตัดหมอกหลังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด (แต่หากอากาศดีก็อย่าเผลอไปเปิดเสียล่ะ! อาจโดนสาปแช่งแบบไม่รู้ตัวได้ ฮาๆ) ติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED บริเวณฝากระบะท้าย พร้อมกันชนท้ายตกแต่งด้วยโครเมี่ยมพร้อมแผ่นกันลื่นสีดำ

 

     ขยับเข้ามาภายในห้องโดยสารเห็นได้ชัดว่าปรับปรุงให้มีความเป็นรถเก๋งมากขึ้นเช่นกัน ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ ตัดด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังสีน้ำตาล ฝั่งผู้ขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง (เดินหน้า-ถอยหลัง-ขึ้น-ลง) ฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะหลังมาพร้อมที่พักแขนแบบพับเก็บได้ มีช่องสำหรับวางแก้วให้ 2 ตำแหน่ง พร้อมตัวเบาะที่สามารถปรับยกขึ้นแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร

 

     คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยสีดำเมทัลลิก พร้อมแถบสีเงิน พร้อมช่องแอร์ตกแต่งด้วยสีเงินเหนือคอนโซลหน้า ไล่ลงมาเป็นเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส รองรับแผ่น DVD ได้ มีพอร์ต USB และ AUX มาให้ พร้อมบลูทูธสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเพื่อการสนทนาและฟังเพลงในตัวเครื่อง ติดตั้งระบบนำทาง T-Connect มาให้ ขับกำลังเสียงผ่านลำโพงรอบคัน 6 จุด รวมถึงใช้แสดงผลจากกล้องมองหลังได้อีกด้วย

 

     ติดตั้งระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Single-zone ปรับอุณหภูมิขึ้น-ลงได้ทีละ 0.5 องศาเซลเซียส ซึ่งความรวดเร็วในการทำความเย็นนั้น ขึ้นชื่อว่าโตโยต้าก็หายห่วงได้เลย นอกจากนั้นยังติดตั้งช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาให้ด้วย โดยช่องแอร์จะอยู่หลังคอนโซลกลาง ให้ความแรงลมค่อนข้างดี ขณะกล่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางยังติดตั้งช่องจ่ายไฟแบบ 220 โวลต์มาให้ สามารถใช้ปลั๊กไฟบ้านทั่วไปมาเสียบได้อย่างสบายๆ

 

     หน้าปัดบอกความเร็วเป็นแบบเรืองแสง Optitron พื้นหลังสีฟ้า ตัวหนังสือสีขาว อ่านง่าย สบายตา พร้อมหน้าจอสี MID แบบเดียวกับที่พบใน ‘คัมรี่’ สำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่, ระบบนำทาง, ระบบความบันเทิง ฯลฯ

     พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน หุ้มด้วยหนัง สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง (สูง-ต่ำ-เข้า-ออก) แผงปุ่มด้านซ้ายสำหรับควบคุมระบบเครื่องเสียง ด้านขวาไว้สำหรับควบคุมหน้าจอ MID พร้อมก้านควบคุมระบบ Cruise Control ติดตั้งไว้ด้านใน

 

     ติดตั้งปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ทำงานคู่กับกุญแจอัจฉริยะ กระจกหน้าต่างทั้ง 4 บาน สามารถเปิด-ปิดได้แบบอัตโนมัติ พร้อมเซ็นทรัลล็อคที่ทำงานอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนดไว้ นอกจากนั้น คอนโซลด้านหน้ายังมีฟังก์ชั่น Cool Box ที่ดึงความเย็นจากท่อลมแอร์มาหมุนเวียนในกล่องเก็บของสำหรับแช่เครื่องดื่มหรือขนมอะไรก็แล้วแต่ เรียกว่าเป็นน้องๆตู้เย็นเลยทีเดียว

 

     เครื่องยนต์ของ โตโยต้า รีโว่ ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยคันที่เราทดสอบติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ รหัส 1GD-FTV (High) ความจุ 2.8 ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า (PS) ที่ 4,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 – 2,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะแบบ iMT (จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวอธิบายให้ฟังช่วงทดสอบครับ)

     ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบซ้อนที่ถูกปรับปรุงให้นั่งสบายมากขึ้น ระบบเบรกแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม ตามสไตล์รถกระบะทั่วไป นอกจากนั้นยังติดตั้งระบบ Diff-lock ที่ช่วยล็อคเฟืองท้ายช่วยกระจายแรงบิดล้อคู่หลังทั้งสองข้างให้เท่าๆกัน เพื่อให้ผ่านอุปสรรคบนทางออฟโรดได้ง่ายขึ้น

 

     ตัวถังของ รีโว่ ใหม่ มีความยาวตลอดแนวที่ 5,330 มม. กว้าง 1,855 มม. สูง 1,815 มม. ความยาวฐานล้อ 3,085 มม. พร้อมระยะต่ำสุดถึงพื้น 286 มม. ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เราเคยเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง (อ่านที่นี่) ซึ่งถือว่าตัวถังของรีโว่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มรถกระบะที่เราเปรียบเทียบในครั้งนั้น

     ด้านระบบความปลอดภัยนั้น Revo ใหม่ ติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่ คู่หน้า, หัวเข่าฝั่งคนขับ, ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบควบคุมการส่ายของเทรลเลอร์ด้านท้าย TSC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัด HAC ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาด DAC ขณะที่ภายในห้องโดยสารติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดครบทั้ง 5 ที่นั่ง มาพร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงดึงอัตโนมัติสำหรับเบาะคู่หน้า

 

     ถึงเวลาที่เราจะมาพูดถึงการขับขี่กันเสียที โดยเส้นทางที่เราใช้ทดสอบในครั้งนี้ เราเดินทางจากสนามบินพิษณุโลก มุ่งหน้าไปยังตัวเมืองจังหวัดอุดรธานี รวมระยะทางแล้วเกือบๆ 400 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งระหว่างทางมีให้ทดสอบทั้งช่วงขึ้นเขา ลงเขา รวมถึงทางราบ ที่ช่วยให้เราได้ทดสอบกันอย่างครบอรรถรส

 

     เริ่มต้นออกเดินทางผู้เขียนเองมีโอกาสทดลองเป็นผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งถือว่าเป็นรถกระบะที่สามารถโดยสารด้านหลังได้สบายในระดับหนึ่ง ตัวพนักพิงเบาะหลังถูกเซ็ทให้เอนพอประมาณ สามารถโดยสารไกลๆได้แบบไม่ปวดหลัง แต่ทว่าก็ยังมีคู่แข่งอย่างไทรทันที่เบาะหลังสามารถโดยสารได้สบายกว่านี้ ขณะที่พื้นที่ช่วงขาสำหรับผู้โดยสารด้านหลังยังดูคับแคบไปนิด สำหรับผู้เขียนที่มีความสูง 173 เซนติเมตร กับเบาะหน้าที่ถูกปรับเลื่อนให้เข้ากับผู้โดยสารอีกคนที่มีความสูงประมาณ 180 เซนติเมตร

     แต่สิ่งที่ประทับใจสำหรับผู้โดยสารตอนหลังคือการที่ติดตั้งราวจับบริเวณเสากลางมาให้เพิ่มขึ้นอีกข้างละ 1 อัน ซึ่งมีประโยชน์ในการขึ้น-ลง รวมถึงการยึดเหนี่ยวในขณะเข้าโค้ง เป็นต้น ขณะที่ช่องแอร์ด้านหลังให้ความเย็นสบาย สามารถกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง

 

     ขณะที่แรงสะเทือนจากช่วงล่างนั้น ทางวิศวกรของโตโยต้าเองระบุว่า โตโยต้า รีโว่ ดับเบิ้ลแค็บนี้ ถูกออกแบบเน้นความสบายในการโดยสารยิ่งขึ้น ด้วยช่วงล่างที่ออกแบบมาเพื่อรองรับสภาพถนนเมืองไทยโดยเฉพาะ ซึ่งจากการทดลองนั่งดูก็พบว่า มีความนิ่มขึ้นจากเดิมค่อนข้างชัดเจน

     หลังจากแวะรับประทานอาหารกันที่ภัตตาคารเมืองหล่ม ในเขตอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ผู้เขียนเองก็ได้มาเป็นผู้ขับขี่บ้าง ซึ่งความประทับใจแรกคงหนีไม่พ้นอัตราเร่งจากแรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ประกอบกับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด ที่เรียกได้ว่ากดเป็นมา มีพละกำลังให้ใช้แบบเหลือเฟือ

 

     การขับขี่ด้วยความเร็วสูงนั้น ด้วยอัตราทดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด นอกจากจะช่วยถ่ายทอดพละกำลังได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังช่วยทดรอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วสูง เพื่อไม่ให้รอบสูงจนเกินไป โดยความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1,500 รอบต่อนาทีที่ตำแหน่งเกียร์ 6 หากขยับขึ้นมาที่ 2,000 รอบต่อนาที ก็จะได้ความเร็วถึง 130 กม./ชม. เลยทีเดียว (อ้างอิงตามหน้าปัดของรถ)

     น้ำหนักพวงมาลัยถูกเซ็ทมาค่อนข้างดีไม่เบาโหวงจนเกินไป รวมถึงอัตราทดพวงมาลัยแบบพอดีๆ ไม่ไวและไม่ช้าจนเกินไป ให้ความมั่นใจมากขึ้นในความเร็วสูง ความหนาของตัวพวงมาลัยก็ให้ความกระชับมือดีทีเดียว ถือเป็นพวงมาลัยในกลุ่มรถกระบะที่ผู้เขียนแทบไม่มีปัญหาอะไรกับมันเลย

 

     อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องชมเชยคือการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารของรีโว่ใหม่ ที่จะมีให้ได้ยินชัดๆก็เห็นจะเป็นเสียงลมตั้งแต่ระดับความเร็ว 140 กม./ชม.ขึ้นไป นอกนั้นไม่ว่าจะเป็นเสียงลมปะทะจากภายนอก, เสียงเครื่องยนต์, เสียงจากพื้นถนนถือว่าเงียบมาก สามารถสนทนากับผู้โดยสารข้างๆ ได้แบบไม่ต้องตะเบงเสียงให้ระคายคอเลย

     ช่วงล่างนั้น แม้ว่าจะถูกปรับจูนให้นุ่มนวลขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่การเกาะถนนก็ถือว่ายังทำได้ดี สามารถเล่นโค้งลึกๆ ในระดับความเร็วมากกว่า 100 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น โดยรวมให้ความรู้สึกหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังพอสัมผัสได้ถึงความแข็งอยู่บ้าง ซึ่งหากขับผ่านผิวถนนที่มีสภาพขรุขระ ช่วงท้ายของตัวรถก็มีอาการกระเด้งกระดอนให้เห็นอยู่นิดหน่อย

 

     ระบบเกียร์ธรรมดาแบบ iMT 6 สปีด มาพร้อมปุ่มเปิด-ปิดฟังก์ชั่นการทำงานของระบบ iMT ซึ่งโตโยต้าระบุว่าช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ราบเรียบยิ่งขึ้น จากการทดลองใช้งานก็พบว่า ระบบ iMT จะคำนวณรอบเครื่องยนต์ไว้ล่วงหน้าเมื่อมีการโยกคันเกียร์ไปยังตำแหน่งต่างๆ ทั้งการเปลี่ยนขึ้นและเปลี่ยนลง โดยช่วงเสี้ยววินาทีก่อนที่คลัทช์จะถูกปล่อย รอบเครื่องยนต์จะถูกปรับให้เข้ากับความเร็วที่สัมพันธ์กับตำแหน่งเกียร์นั้นๆทันที ส่งผลให้ไม่มีอาการสะดุดในช่วงปล่อยคลัทช์ (ซึ่งอาการที่ว่านี้จะพบบ่อยในผู้ที่เพิ่งหัดขับรถเกียร์ธรรมดาใหม่ๆนั่นเอง)

 

     ภายหลังเสร็จสิ้นการทดสอบ รีโว่ ใหม่ ทางทีมวิศวกรของโตโยต้าเองก็ไม่รอช้าเชิญท้าพิสูจน์ข้อสงสัยของใครหลายคนที่ยังแคลงใจว่า แท้จริงแล้ว ‘รีโว่’ ยังคงใช้แพล็ตฟอร์มเดียวกับ ‘วีโก้’ เดิมหรือไม่? ดังนั้น ทีมงานของโตโยต้าเองจึงได้จับเอาทั้ง ‘รีโว่’ และ ‘วีโก้’ มายกตะแคงข้างๆกัน เพื่อวัดแชสซีส์กันจุดต่อจุดเลยว่าเป็นของใหม่จริงหรือไม่กันแน่ ซึ่งข้อสรุปก็ออกมาตามที่เห็นในภาพนี่แหละครับ โดยรวมแล้วมันแสดงให้เห็นถึงว่า แชสซีส์ของ รีโว่ มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า วีโก้ ในแทบจะทุกจุด ซึ่งจากการคำนวณแสดงให้เห็นว่าแชสซีส์ของ ‘รีโว่’ ใหม่ แข็งแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 44 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

 

     สรุป Toyota Revo 2015 ดับเบิ้ลแค็บ 2.8G เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ใหม่ ปรับปรุงภายนอกสวยงามลงตัว ทันสมัยยิ่งขึ้น เพิ่มอ็อพชั่นภายในเทียบได้กับรถเก๋ง กำลังเครื่องยนต์ดี แรงบิดมหาศาล ช่วงล่างปรับปรุงนิ่มขึ้น แต่ยังติดท้ายกระดอนนิดๆ เกียร์ธรรมดามาพร้อมลูกเล่นเอาใจมือใหม่  พวงมาลัยน้ำหนักดีขึ้น ห้องโดยสารเก็บเสียงเยี่ยม ถือเป็นการปรับปรุงของค่ายเจ้าตลาดที่น่าประทับใจรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

 

     ราคา Toyota Hilux Revo 2015 ดับเบิ้ลแค็บ ขับเคลื่อนสี่ล้อ

  • 2.4E ราคา 899,000 บาท
  • 2.8G ราคา 1,069,000 บาท *รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ
  • 2.8G AT ราคา 1,139,000 บาท

 

     ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญทีมงานเข้าร่วมทดสอบด้วยดีเสมอมา

 

 

อัลบั้มภาพ 46 ภาพ

อัลบั้มภาพ 46 ภาพ ของ รีวิว Toyota Hilux Revo 2015 ใหม่ สวยลงตัว ขับสนุก อ็อพชั่นเพียบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook