Nissan แก้เกมรอรถ เตรียมเปิดแคมเปญ "ซื้อมาร์ช ขับกลับบ้านได้เลย"

ค่ายรถยนต์เจ้าตลาดอีโค่คาร์เตรียมเปิดแคมเปญใหม่ แก้เกมรอรถนาน เผยแผนตัดส่งออกลงไทยหลังตัวเลขการตลาดยังไม่บรรลุตามเป้า

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยถึงแผนการตลาด ในช่วงสุดท้ายของปีงบประมาณบริษัท ว่า ตอนนี้หัวหอกที่ยังเป็นตัวชูโรงนั้น ยังคงเป็น Nissan March ที่ในวันที่1 มีนาคมนี้จะครบรอบ 1 ปีที่รถรุ่นนี้วางจำหน่าย และ ด้วยตัวเลขการแชร์ตลาดที่ให้ไว้กับบริษัทแม่ตั้งแต่ช่วงต้นงบประมาณที่คาดหวังว่าจะมีส่วนแบ่ง 7.4% และในปี 2554 นี้คาดที่ 9% แต่ขณะนี้ตัวเลขดังกล่าว ยังไม่ถึงเป้าหมายตามที่คาดเอาไว้ จึงต้องใช้ช่วงเวลาที่เหลือในการกระตุ้นตลาดทุกวิธีทาง

Nissan march Dig-S

ทั้งนี้สิ่งแรกที่ต้องทำคือแก้ปัญหาระยะเวลารอรับรถ ที่ใช้เวลานานถึง 4-5 เดือน ทำให้เสียลูกค้าไปเยอะ ซึ่งตอนนี้ทั้งฝ่ายการตลาดและฝ่ายโรงงานได้มีการคุยกัน และในเร็วๆนี้ จะมีการเปิดแคมเปญ "ซื้อมาร์ช-ขับกลับบ้านได้เลย"

"ที่ผ่านมามีคำสั่งซื้อเข้ามา 4-5 เดือน และต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน แต่โรงงานเรามีการตอบสนองการผลิตเพียงปีละ 100,000 คัน เป็นตัวเลขส่งออก 80,000 คัน ที่เหลือจำหน่ายในบ้านเรา ซึ่งตอนนี้ได้รับการอนุมัติจากบริษัทแม่ให้นำรถที่ส่งออกบางส่วนมาเสริมความต้องการของตลาดในประเทศก่อน"

Nissan march Dig-S

ทางค่ายรถยนต์ Nissan กล่าวต่อไปว่า การตัดโควต้าครั้งนี้ จะทำให้ให้มีมาร์ชมาตอบสอนงตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และสำหรับลูกค้าที่อยู่ในบัญชีรายชื่อรอส่งมอบก็คาดว่า น่าจะสามารถส่งมอบได้ครบในเดือนมีนาคม-เมษายนนี้แน่นอน

ด้านนายโทรุ ฮาเซกาวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภายในระยะเวลา 5 ปี ต่อจากนี้ นิสสันเชื่อว่าตลาดรถยนต์ในไทยจะเติบโตสูงถึง 1 ล้านคัน ส่วนในปีนี้ คาดว่า จะมียอดรวมอยู่ที่ 8-8.3 แสน คัน

 

ภาพประกอบจาก netcarshow

Sanook! Auto Comment

 

ถ้าสามารถลบข้อบกพร่องเรื่องการส่งมอบได้ เราเชื่อว่า Nissan March คงจะติดตลาดมากกว่านี้ หลังหลายคน แห่หนีไปยี่ห้ออื่น เพราะช้าไม่ทันใจ

อย่างไรก็ดี อันนี้ของฝากถึง Nissan โดยตรง ในการเพิ่มมาร์จินตลาดของNissan March โดยเฉพาะ ของแถม อย่างน้อยมีประกันภัยชั้น 1 ก็ยังดี เพราะ ทุกวันนี้ มองราคาน่าสนใจ พอจะจองทำใจไม่ได้ไม่มีอะไรให้เลย ...จริงๆ อันนี้เราอยากขอให้ไปคิดครับ เผื่อจะได้มียอดขายจนผลิตไม่ทัน..อีกครั้ง