มิชลินท้าทายทุกขีดจำกัด โหด อึด เร็ว 24 ชม. ในศึก Le Mans 24 Hours
เมื่อพูดถึงการแข่งขันรถซุปเปอร์คาร์พันธุ์อึด คงต้องยกที่หนึ่งให้กับการแข่งขัน "24 hours of Le Mans" ซึ่งเป็นการแข่งขันเรซซิ่งคาร์สุดทรหดในโลกก็ว่าได้ หลายคนอาจไม่รู้จักรายการนี้ Le Mans 24 Hours จัดขึ้นทุกปี ณ เมือง Le Mans ประเทศฝรั่งเศสยาวนานต่อเนื่องมาเกือบร้อยปี จัดว่าเป็นการแข่งขันที่มีอายุยาวนานที่สุดของโลก โดยรถที่เข้าแข่งจะต้องวิ่งมากกว่า 390 รอบ ด้วยความเร็วเฉลี่ย 250 กม./ชม. ความเร็วสูงสุดที่ 330 กม./ชม. โดยมีระยะทางการขับมากกว่า 5,000 กม. มากกว่าระยะทางการแข่ง F1 ถึง 18 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งทีมที่จะชนะในการแข่งรถซุปเปอร์คาร์สุดอึดรายการนี้ จะต้องเป็นทีมที่ทำความเร็วได้อย่างสม่ำเสมอแน่นอน หยุดใน Pit ให้น้อยที่สุด และต้องเป็นทีมที่ขับได้ระยะทางที่ไกลที่สุดภายในระยะเวลาของการแข่งขัน 24 ชม. โดยรถหนึ่งคันใช้นักแข่ง 3 คนสลับกันขับขี่
สิ่งที่น่าสนใจของรายการนี้คือไม่ใช่วัดที่ความเร็วเพียงอย่างเดียว เพราะการแข่งขัน "24 hours of Le Mans" ถือ ว่าเป็นบททดสอบความทนทายาดของทั้งรถ ยาง นักแข่งและทีมงานทุกคนไปพร้อมๆ กัน ด้วยเส้นทางการแข่งขันอันสุดแสนทรหดของสนามลูกผสมระหว่างสนามเซอร์กิต อย่าง Bugatti กับถนนทั่วไปที่มีพื้นผิวขรุขระ ไม่เรียบ ซึ่งนักแข่งจะต้องรับมือกับทุกสถานการณ์ของการแข่งขันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และต้องทนกับทุกสภาพถนน ที่มีทั้งเปียกและแห้ง และในทุกสภาพอากาศทั้งร้อนและหนาว จัดหนักจัดเต็มตลอด 24 ชม. นอกจากเรื่องของเส้นทาง กฏของการแข่งขันก็เป็นสิ่ง Challenge ผู้ผลิตยางให้พัฒนายางที่มีสมรรถนะสูงและเก่งรอบด้านตลอดการใช้งานตอบโจทย์ ความยาวนานของการแข่งขันได้อย่างถึงขีดสุด
ซึ่งความอึดของ "24 hours of Le Mans" นี้เองที่เป็นสิ่งท้าทายสำหรับ มิชลิน (MICHELIN) เป็น อย่างมาก กับบทบาทกับการพาซุปเปอร์คาร์พันธุ์อึดไปคว้าชัยชนะ ด้วยความพยายามที่จะสร้างสถิติใหม่ในสนามแข่งขันอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ทำให้มิชลินเข้ามาทำงานร่วมกับแบรนด์รถยนต์ซุปเปอร์คาร์ระดับโลกในการแข่ง ขันรายการนี้อย่างต่อเนื่องตลอดมา และสำหรับการแข่งขัน Le Mans ในปี 2015 นี้ มิชลินก็ยังคงให้ความสำคัญและทุ่มเทพัฒนาคุณภาพของยางอย่างไม่ลดละ โดยจัดวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางถึง 15 คนเข้าร่วมวิเคราะห์ศักยภาพของยางในการแข่งขัน เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงสมรรถนะรอบด้านของยางมิชลินต่อไปในอนาคต ซึ่งยางที่จะช่วยให้ชนะในสนาม Le Mans อันสุดแสนจะทรหดได้นั้น จะต้องมีสมรรถนะสูงตลอดอายุการใช้งาน ยึดเกาะถนนดีเยี่ยมในทุกสภาพผิว เข้า Pit น้อยที่สุด มีอายุการใช้งานยาวนาน และที่สำคัญต้องประหยัดน้ำมัน ซึ่งมิชลินเข้าถึงหัวใจสำคัญของการแข่งขัน Le Mans และพัฒนาเป็นแนวคิด MICHELIN Total Performance ที่ผสมผสานสมรรถนะที่จำเป็นของยางที่จะใช้ในสนาม Le Mans เอาไว้ได้อย่างลงตัว
ล่าสุดกับแชมป์สมัยที่ 18 ในปี 2015 ที่เพิ่งผ่านมากับทีม Porsche มิชลินได้พิสูจน์ถึงความเก่งกาจบนเวทีมอเตอร์สปอร์ตและพยายามก้าวข้ามขีด จำกัดเดิมๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มิใช่เพียงแค่ความภาคภูมิใจ หากแต่เป็นการนำสุดเทคโนโลยีและประสบการณ์จากการแข่งมาพัฒนายางรถยนต์สำหรับ ผู้ใช้รถบนถนนทั่วไป ให้ทุกการขับขี่ของเขาเต็มไปด้วยสมรรถนะชั้นยอด เช่นเดียวกับรถบนสนามแข่ง ตอบสนองความต้องการของนักขับหัวใจนักแข่งอย่างคุณ ด้วยยางที่รวมสมรรถนะเด่นรอบด้านเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เหมาะกับการใช้งานในทุกสภาพถนน เฉกเช่นยางที่ใช้ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกต่างๆ รวมถึง Lemans 24 Hour
[Advertorial]
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ