จับตา โปรดักส์แชมเปี้ยน นัมเบอร์ 3....ว่าที่นอมินี อาจคือ EV

จับตา โปรดักส์แชมเปี้ยน นัมเบอร์ 3....ว่าที่นอมินี อาจคือ EV

จับตา โปรดักส์แชมเปี้ยน นัมเบอร์ 3....ว่าที่นอมินี อาจคือ EV
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พูดถึงตลาดรถยนต์ในประเทศไทยช่วงนี้ ถือว่ารถยนต์ในบ้านเรานั้นต่างมีความคึกคักกันอย่างมาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง เมื่อรถยนต์อีโค่คาร์ ถือกำเนิดที่วันนี้เจ้าตลาดออกมาตอบรับ ด้วยการท้าชนส่งน้องเล็กลำใหม่หวังชิงไฟที่งานนี้จะรุ่งหรือร่วง คงเฉือนกันแค่ปลายจมูกเท่านั้น

ความคึกคักในตลาดคอมแพ็คคาร์ที่เกิดขึ้นนี้ ต้องยอมรับว่าส่วนสำคัญนั้นมาจากการที่ รัฐบาลนำร่องในการสร้างโอกาสให้ค่ายรถยนต์หลายเจ้าได้ลืมตาอ้าปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายอันสูงสุดที่ทางภาครัฐตั้งแต่สมัยปี 2546 เคยฝันให้ประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกรถยนต์ไปยังประเทศในภูมิภาค รวมถึงเวทีโลก ที่ขณะนั้นตั้งเป้าในปี 2553 ที่ผ่านมา ไทยจะสามารถผลิตรถได้ถึง 1.8 ล้านคัน และกว่า 40% จะถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ ที่ยืนหยัดด้วยรถยนต์กระบะ 1 ตัน

Honda Brio รถอีโค่คาร์ รุ่นล่าสุดจาก  honda

ให้หลังเพียง 1 ปี โครงการรถยนต์นั่งเล็กก็เกิดขึ้น ที่แรกเริ่มเดิมทีใช้ชื่อว่า โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน (ACEs Car) หรือที่รู้จักผ่านชื่อ "โครงการอีโค่คาร์" ที่มีต้นไอเดียจากนายวัชระ พรรณเชษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีอุตสาหกรรม จากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในสมัยแรก ที่เล็งเห็นถึงตลาดใหม่อนาคตที่รถยนต์นั่งเล็กจะกลายเป็นที่นิยม และในที่สุดเมื่อช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้วรถยนต์อีโค่คาร์รุ่นแรกก็ออกวางจำหน่ายสู่ผู้บริโภค ผ่านค่ายรถยนต์ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาผู้บริโภคกลุ่มรถนั่งอย่าง Nissan

การมาของ honda Brio รถอีโค่คาร์อีกรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดนี้ ทำให้ตลาดรถอีโค่คาร์มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงแนวทางที่สามารถทำได้จริง และนี่คือ โปรดักส์แชมป์เปี้ยนตัวที่ 2 ที่ไทยจะกลายเป็นห้องคลอดของเหล่ารถเล็ก ที่วันนี้มี Nissan Honda และในอนาคตจะมี mitsubishi ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการสร้างโรงงานเพื่อแผนงาน Mitsubishi Global Small Car ที่เตรียมจะมาอวดโฉมในไทยในช่วงมอเตอร์โชว์ 2011 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่สิ่งที่น่าคิดตามคงไม่พ้นทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่ detroit of asia อย่างเมืองไทยต้องปรับตัวตามไปด้วย

Nissan Micra หรือ March รถอีโค่คารุ่นแรกที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

แนวทางหนึ่งที่ทั่วโลกในตอนนี้ต่างให้การยอมรับนั้นคงไม่พ้น เรื่องของการประหยัดพลังงานในขณะเดียวกันก็ต้องควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย ที่วันนี้ตลาดโลกดูจะหันเหไปทางรถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังมาแรงมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซล ที่เมื่อเร็วๆนี้ในตลาดผู้นำด้านยานยนต์ในสหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการเปิดตัวรถยนต์กลุ่มนี้ออกวางจำหน่ายสู่ผู้บริโภคแล้ว

เป็นไปได้ไหม?? ที่ประเทศไทยจะมีโอกาสได้ใช้รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับว่านี่คือแนวทางแห่งโลก อนาคต ที่แม้รถขับเคลื่อนไฟฟ้าจะไม่ใช่การลดมลพิษโดยตรง 100% แต่ใช้แนวทางในการผลักภาระสู่สถานที่ๆมีการปล่อยมลพิษอยู่แล้วอย่างโรงไฟฟ้า แต่อย่างน้อยๆ ก็จะช่วยลดมลพิษในเมืองให้สะอาดสดใสและดีกว่าทุกวันที่เป็นอยู่

แนวทางนี้สามารถเป็นไปได้ และจะเป็นไปได้เร็วมากยิ่งขึ้นหากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ที่ค่ายรถยนต์อย่าง Nissan ให้ความสนใจต่อแนวทางนี้ ด้วยการนำ Nissan Leaf ออกแสดงโชว์ในงาน Bangkok International Motor show 32th ประจำปี 2011 ที่นำรถยนต์ไฟฟ้ามาประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนไทยเกิดความสนใจ

Nissan Leaf นำเข้ามาโชว์ในไทย

นาย โทรุ ฮาเซกาวา กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า จากความสำเร็จการเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ นิสสัน มาร์ซ (อีโค่ คาร์) นิสสันได้ต่อยอดด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและนำรถยนต์พลังงาน ไฟฟ้า "นิสสัน ลีฟ" มาไทยเป็นครั้งแรก

"ลีฟ ที่มาโชว์ไม่ได้นำมาขาย ไม่ใช่คอนเซ็ปต์คาร์ "ลีฟ" คือรถพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตและขายในตลาดจริง สามารถวิ่งได้ 160 กม.ต่อชม. ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าปกติที่บ้าน 8 ชม. มีโหมดชาร์จเร็วภายใน 30 นาที เป็นรถที่จะมาสานต่อความเป็นผู้นำด้านรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยวางแผนประชาสัมพันธ์รถรุ่นนี้ต่อเนื่อง และเตรียมงานเพื่อให้ลูกค้าได้ทดสอบขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เป็นครั้งแรกอีกด้วย"

นาย โทรุ ฮาเซกาวา ที่มีวิสัยทัศนในเรื่องรถไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า 100% "ลีฟ" คันนี้ นิสสันนำเข้ามาศึกษาและวิจัยตลาด เพื่อทดสอบว่า เหมาะสมต่อสภาพภูมิอากาศไทยเพียงใด ล่าสุดเจรจากับภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสนใจกับโครงการรถยนต์ไฟฟ้า 100% แล้ว

"นิสสันชี้ให้เห็นข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงความเป็นไปได้ในการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อป้อนตลาดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเป็นโอกาสของไทยในการสร้างโปรดักส์แชมเปี้ยนเบอร์ 3 ต่อจากปิกอัพและอีโคคาร์ในอนาคต โดยเฉพาะโครงสร้างภาษีที่รัฐจะให้การสนับสนุน เราเพียงแค่ให้รัฐอุดหนุนเท่าเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียมีอัตรา 0% และยังศึกษาถึงสถานีหรือจุดชาร์จไฟฟ้าให้กับรถด้วย หากทุกอย่างขับเคลื่อนได้จริง คาดว่าราว 3-5 ปีนี้ โครงการรถยนต์ไฟฟ้าจะเกิดขึ้นในไทย"

ก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์ mitsubishi ก็ให้ความสนใจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย โดยแนะนำรถยนต์ mitsubishi I MIEV มาอย่างต่อเนื่อง บนเวทีงานแสดงรถยนต์หลายต่อหลายครั้งที่ไม่พ้นแม้กระทั่งงานล่าสุด Motor Expo ที่นำ I Miev sport มาให้ชม และที่ให้หลังจากงานไม่นาน Mitsubishi ก็ได้จับมือรัฐบาลไทยที่นำโดยนาย ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในการศึกษาและร่วมทดสอบการใช้งานรถไฟฟ้า

นาย โอซามุ มาสุโกะ และนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ในการศึกษาเรื่องรถไฟฟ้า

ครั้งนั้น ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้การมอบหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ), สถาบันยานยนต์ ในการดำเนินการศึกษาและขยายขอบเขตความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีรถไฟฟ้าในประเทศไทย ที่หมายถึงภาครัฐก็ให้ความสนใจอยู่เช่นกันนั่นเอง

เรื่องราวเหล่านี้ถือเป็นเรื่องแห่งความเป็นไปได้ที่ในอนาคต (หากโลกไม่แตกไปเสียก่อน) ที่คนไทยอาจมีโอกาสได้สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าที่ภาครัฐอาจจะนำมันขึ้นมาเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนตัวที่ 3 ของประเทศ ที่เข้ากับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ทั่วโลก ที่นั่นคือ...การสานฝันประเทศไทยสู่เวทีอุตสาหกรรมยานยนต์โลกตามปณิธาน Detroit of asia ที่แท้จริง

 

Sanook! Auto Comment

 

เรายินดีและขอปรบมือที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องราวของรถไฟฟ้า และในฐานะสื่อมวลชนสายยานยนต์ต้องขอกล่าวเลยว่า รถไฟฟ้าถือเป็นคลื่นลูกใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แน่นอนนโยบายคือการใช้เวลาที่เราอาจต้องรออีกสักพักใหญ่ ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะเกิดขึ้นมา แต่อย่างน้อย สันนี้ค่ายรถยนต์ก็ยังก้าวเดินด้วยแนวคิดที่น่าสนใจ และเราอยากให้มันเป็นจริง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook