ทำได้จริง Mazda 2 เบนซิน SKYACTIV-G 1.3 ลิตร น้ำมันถังเดียวกรุงเทพฯ-เชียงราย
ก่อนหน้านี้เราเคยร่วมพิสูจน์ Mazda 2 และ CX-5 ใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D บนเส้นทางกรุงเทพฯ-มาเลเซียกันไปแล้ว ซึ่งก็พิสูจน์ให้เห็นว่าทั้ง 2 รุ่นสามารถแล่นไปถึงจุดหมายกว่า 1,141 กิโลเมตร ได้ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียวเท่านั้น
คราวนี้จึงเป็นทีของ Mazda 2 SKYACTIV-G เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตรกันบ้าง ด้วยระยะทางย่อมลงมาหน่อยอยู่ที่ 875.1 กิโลเมตร มุ่งหน้าจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดเชียงราย กับน้ำมันเต็มถังเพียง 1 ถังเท่านั้น
เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายท่านคงพอเดาออกว่า มาสด้า 2 เครื่องยนต์เบนซินใหม่ จะสามารถวิ่งได้ระยะทางดังกล่าวด้วยน้ำมัน 1 ถังอย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก เพราะรถคันนี้เคลมอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 23.3 กม./ลิตรอยู่แล้ว เมื่อคูณกับปริมาณถังน้ำมันอยู่ที่ 35 ลิตร ก็สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 815.5 กิโลเมตรตามมาตรฐาน แต่สิ่งสำคัญในการทดสอบครั้งนี้ คืออัตราสิ้นเปลืองจากการใช้งานจริงมากกว่า ว่าจะประหยัดขนาดไหน
การทดสอบครั้งนี้แม้จะเป็นการทดสอบเพื่อหาอัตราสิ้นเปลือง แต่ก็มีเงื่อนไขต่างๆมากมาย เพื่อให้ผลลัพท์ออกมาใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการตั้งอุณหภูมิแอร์ไว้ที่ 23 องศาเซลเซียส พร้อมความแรงลมระดับ 3 ตลอดการทดสอบ พร้อมกับซีลแผงควบคุมเพื่อไม่ให้สามารถปรับได้, ความดันลมยางหน้า/หลังตามมาตรฐานที่ 36/33 PSI, ไม่สามารถพับกระจกมองข้างได้ตลอดการขับขี่ เป็นต้น
ปัจจัยหลักที่ทำให้การทดสอบครั้งนี้เสมือนกับการใช้งานจริงมากที่สุด นั่นก็คือจุดเช็คพอยท์ตลอดการแข่งขัน ซึ่งผู้ขับขี่ทุกคนจะต้องเข้าเช็คอินให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด หากเข้าสายเพียงแค่นาทีเดียวก็จะโดนปรับเพิ่มอัตราสิ้นเปลืองคิดเป็น 0.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรทันที นั่นทำให้ผู้ขับขี่ทุกคนต้องใช้ความเร็วอยู่ในระดับการใช้งานจริง เพื่อให้สามารถเข้าไปยังแต่ละเช็คพอยท์ได้ทันเวลา
มาสด้า 2 สกายแอคทีฟ-จี ทุกคันที่เข้าร่วมทดสอบ เป็นรถเดิมๆจากโรงงาน ไม่มีการปรับแต่งใดๆทั้งสิ้น โดยก่อนเริ่มการแข่งขัน รถทุกคันจะถูกเติมน้ำมันจนเอ่อคอถัง ด้วยน้ำมันเบนซินแก๊สโซออล์ 95 แล้วจึงปิดซีลปากถังไว้ด้วยสติ๊กเกอร์อย่างชัดเจน
การทดสอบครั้งนี้มีรถที่เข้าร่วมทั้งหมด 20 คัน แบ่งออกเป็นรุ่นซีดาน 10 คัน และแฮทช์แบ็คอีก 10 คัน โดยการตัดสินแบ่งออกเป็น 2 รุ่นตามประเภทตัวถัง เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ จากแอโร่ไดนามิคที่แตกต่างกันทั้ง 2 แบบ โดยคันของเราเป็นรุ่นซีดาน 4 ประตูนั่นเองครับ
การเดินทางวันแรก จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่โรงแรมร่มไม้ กรีนพาร์ค จังหวัดลำปาง คิดเป็นระยะทางทั้งสิ้น 588.8 กิโลเมตร โดยหน้าจอออนบอร์ดของรถแสดงระยะทางที่สามารถวิ่งได้อยู่ที่ 576 กิโลเมตร... เป็นไงเป็นกันล่ะงานนี้!!
เริ่มต้นออกเดินทางวันแรก เราต้องขับผ่านทั้งสี่แยกไฟแดงมากมาย ไหนจะด่านตรวจของคุณตำรวจอีก ซึ่งต่างเป็นตัวบั่นทอนเวลาที่ใช้เดินทางทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้เราโดนปรับเวลา เราจึงต้องใช้ความเร็วส่วนใหญ่ประมาณ 70-90 กม./ชม. สลับกันไปตลอดทาง
ซึ่งจุดพีคของวันแรกอยู่ที่ทางขึ้นเขา ลงเขา ตั้งแต่ช่วงอำเภอเถิน จังหวัดลำปางเป็นต้นไป ซึ่งช่วงขึ้นเขาเราจำเป็นต้องเติมคันเร่งมากกว่าปกติ ซึ่งนั่นก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออัตราสิ้นเปลืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยระหว่างทางนั้น หน้าจอออนบอร์ดของรถแสดงอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 3.7 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร คิดกลับมาเป็น 27 กิโลเมตรต่อลิตร แค่นี้ก็ประหยัดมากแล้วครับพี่น้อง!!
ในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายที่โรงแรมร่มไม้ กรีนพาร์ค โดยไม่ถูกปรับเวลาแม้แต่สถานีเดียว โดยหน้าจอออนบอร์ดแสดงระยะทางที่วิ่งได้อีก 261 กิโลเมตร
แต่ยังไม่หมดครับ ในวันที่ 2 ของการเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงราย เราต้องขับรถเป็นระยะทางอีก 286.3 กิโลเมตร ซึ่งจุดพีคของวันที่สองไม่ได้อยู่ที่ทางขึ้นเขาแล้ว แต่กลายเป็นสัญญาณไฟจราจรที่พร้อมใจจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงเกือบทุกครั้งที่จะขับผ่าน
ยังดีที่ Mazda2 ติดตั้งระบบ i-stop เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งจะช่วยดับเครื่องยนต์ขณะจอดติดไฟแดง ช่วยเสริมอัตราสิ้นเปลืองให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่พัดลมแอร์ยังคงทำงานอยู่ แต่แอร์จะเย็นน้อยกว่าปกติเนื่องจากคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน
แน่นอนครับ ไฟแดงนึงก็กินเวลาจอดนิ่งๆ อยู่ราว 2-3 นาที ทำให้เราต้องอาศัยความเร็วเข้าช่วย โดยบางช่วงเราต้องใช้ความเร็วถึง 110-120 กม./ชม. เพื่อให้ทันเวลาในแต่ละเช็คพอยท์ ทำให้การทดสอบในวันที่ 2 นั้น ถือว่าใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมาก
ในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมาย ณ ปั๊มปตท.บ้านถ้ำ อ.แม่สาย เพื่อเติมน้ำมันกลับกันเสียที โดยรถของเราถูกเติมน้ำมันกลับไปเป็นจำนวน 31.55 ลิตร ดังนั้นเมื่อเทียบกับระยะทาง 875.1 กิโลเมตร ก็จะคิดเป็นอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 27.77 กิโลเมตรต่อลิตรนั่นเอง
หากใครยังนึกภาพไม่ออกว่า Mazda 2 SKYACTIV-G คันนี้ประหยัดขนาดไหน ก็ลองนึกดูง่ายๆว่า เราสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงราย ด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ในราคาไม่ถึง 1 พันบาท! (ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่เราเติมอยู่ที่ 30.84 บาทต่อลิตร) คุ้มไหมล่ะครับท่านผู้อ่าน...
ทั้งนี้ น้ำมันในถังยังเหลือให้วิ่งต่อได้อีกประมาณ 100 กิโลเมตรอย่างสบายๆ อีกด้วย
ส่วนรถที่สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีที่สุดในรุ่นแฮทช์แบ็ค ได้ตัวเลขอยู่ที่ 28.65 กม.ลิตร และรุ่นซีดานอยู่ที่ 29.58 กม./ลิตร!!!
Mazda 2 SKYACTIV-G ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ปรับแมนนวลได้ รองรับเชื้อเพลิงสูงสุดแบบ E20
จุดเด่นของรุ่นเบนซิน คือ อ็อพชั่นที่อัดแน่นเทียบเท่ารุ่นดีเซลที่มีราคาสูงกว่าเกือบหลักแสน ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยประหยัดเชื้อเพลิง i-stop และระบบสร้างประจุไฟจากการเบรก i-ELOOP เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น
ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอ Center Display ขนาด 7 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่ม Center Commander บริเวณใกล้กับเบรกมือ รองรับบลูทูธ, ระบบสั่งงานด้วยเสียง พร้อมรองรับระบบนำทาง (อ็อพชั่นเสริม) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, หน้าจอ Active Driving Display สำหรับบอกความเร็ว, กุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ท เป็นต้น
สมรรถนะเครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ-จี ขนาด 1.3 ลิตร ขับทางไกลอาจดูไม่หวือหวานัก แต่ก็เพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว ยิ่งขับในเมืองแทบไม่ต้องพูดถึง แต่ก็แลกมาด้วยความประหยัดอย่างที่เราทดสอบกันให้เห็น ขณะที่ระบบเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและนุ่มนวลมาก จนแทบจะใกล้เคียงกับเกียร์คลัชท์คู่เลยทีเดียว
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องชมเชยสำหรับ Mazda 2 ใหม่ ก็คือช่วงล่างที่ปรับปรุงขึ้นจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน จากเดิมที่ถูกเซ็ทแบบแข็งๆ หนึบๆ คราวนี้ถูกปรับให้นุ่มนวลขึ้น แต่ก็ยังเกาะถนนได้อย่างหนึบหนับ ใครที่ขับรถขึ้นเหนือบ่อยๆ จะทราบดีว่าสภาพถนนพหลโยธิน โดยเฉพาะช่วงจังหวัดตากนั้น บางช่วงขรุขระราวกับโลกพระจันทร์ แต่ช่วงล่างของมาสด้า 2 กลับให้ความนุ่มนวลอย่างคาดไม่ถึง รวมถึงเสียงรบกวนจากช่วงล่างที่เข้ามาภายในห้องโดยสารก็ถือว่าอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ทำให้ Mazda 2 เบนซิน 1.3 ลิตร ใหม่ ถือเป็นรถเล็กที่ครบเครื่อง คุ้มค่า ทั้งสมรรถนะ, ช่วงล่าง และความประหยัดจริงๆ
ราคา Mazda 2 SKYACTIV-G เบนซิน 1.3 ลิตร มีดังนี้
- Sports Standard ราคา 550,000 บาท
- Sports High ราคา 610,000 บาท
- Sport High Plus ราคา 665,000 บาท
- Standard ราคา 550,000 บาท
- High ราคา 610,000 บาท
- High Plus ราคา 665,000 บาท
ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญทีมงานเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้
อัลบั้มภาพ 41 ภาพ