Fleet modernize ..เรื่องน่าคิดจากคำบิ๊กบอส Chevy
ทุกวันนี้เราคงต้องยอมรับครับ การจราจรในประเทศไทยเหมือนจะถอยหลังลงคลองติดได้ติดดี ติดกันมันทุกวัน ส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะราคารถปรับตัวลง แต่เป็นเพราะรถมีความหลากหลายมากขึ้นจำนวนรถที่มากบนถนนจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะทั้ง 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ ต่างก็อยู่ร่วมในสังคมถนนเดียวกัน
แนวทางออกที่ดูเหมือนไม่มีทางแก้ไข ด้วยยอดรถป้ายแดงก็มากมือ 2 ที่ยังอยู่ในเต๊นท์นั้นก็อีกหลายที่ไม่ได้ออกมาวิ่งบนท้องถนนเป็นประจำทุกวันนั้น ทำให้สังคมถนนไทยอาจจะถึงจุดวิกฤติแล้ว โดยไม่รู้ตัว ยิ่งตัวเลขใหม่ของยอดขายป้ายแดงปีนี้ที่ตั้งเป้าว่าจะทะลุถึง 900,000 คัน ซึ่งจำนวนนี้ส่วนหนึ่งคือตัวเลขส่งออกที่นำเม็ดเงินเข้าภาษีสู่บ้านเรา แต่หากมองอย่างลึกซึ่ง โดยประกอบเข้ากับเหตุการณ์จริงแล้วเราจะพบว่า รถในเมืองไทยนั้นเยอะจนถนนสร้างไม่ทันจนไม่พอวิ่ง ที่ความจริงนี่ไม่ใช่ปัญหาใหม่
การมาของรัฐบาลของ นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร์นั้น ถือเป็นหนึ่งในปฐมบทใหม่ของวงการยานยนต์ไทยไม่เพียงแค่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทเท่านั้น แต่ยังมีนโยบายที่กำลังรอวันเป็นจริง โดยเฉพาะเงินสมทบส่วนลด 100,000 บาท เมื่อซื้อรถคันแรก ที่เป็นนโยบายเชิงประชานิยมที่ทำให้คนที่ไม่เคยมีโอกาสได้มียานพาหนะเป็นของตัวเองสามารถมีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
นโยบายที่ดีแบบนี้ก็คงไม่พ้นการตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ที่ล่าสุดทางนายมาร์ติน แอพเฟิล บอสใหญ่ของ GM Thailand และ Chevrolet บ้านเราก็ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเวทีแถลงข่าวว่า เมืองไทยควรมองเรื่อง Fleet Modernize ได้แล้ว
Fleet Modernize เป็นแนวคิดที่ใช้ในต่างประเทศในการกำหนดอายุรถยนต์ที่ใช้ในการขับขี่ให้มีความใหม่อยู่เสมอ รวมถึงยังเป็นตัวช่วยในการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมในระดับสังคม ซึ่งต่างประเทศนั้นให้ความชัดเจนมากในการกำหนดอายุยานยนต์ที่น่าจะถึงเวลาแล้วสำหรับเมืองไทย
การควบคุมอายุประชากรรถนั้นทำให้ท้องถนนนั้นมีแต่รถใหม่ในช่วงอายุการใช้งานที่กำหนด แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถรถเก่าคันโปรดได้ เพียงแต่อาจจะต้องเจอภาษีที่มากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งใช้ถนนเหมือนกัน เนื่องจากเมื่อคุณไม่ปฏิบัติตามวิธีก็ย่อมที่จะมีอย่างอื่นเข้ามาเพื่อชดเชยคนอื่นที่ปฏิบัติตาม
ในแนวทางนี้คุณ มาร์ติน ได้กล่าวว่า มันไม่เพียงจะแค่ช่วยให้ลดมลภาวะบนท้องถนนเท่านั้น แต่รถใหม่ยังหมายถึงเทคโนดลยีการออกแบบที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในส่วนของผู้ใช้นั้นจะทำให้มีการประหยัดมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสม ส่วนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เองในฐานะผู้ผลิตก็ได้รับกำลังอานิสงค์เรื่องการกระตุ้นยอดขายที่น่าจะช่วยให้ได้รับผลอย่างยั่งยืน
แน่นอนแนวทาง "การยกระดับความทันสมัย" ที่ไม่ว่าจะเรียกว่ าscrappage scheme หรือว่า Fleet modernize น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับคนไทย ที่จะได้มีโอกาสใช้รถใหม่กันทั่วหน้า และเมื่อรถขายได้มาก อย่างที่เราทราบเรื่องอุปสงค์-อุปทาน ตามหลักพื้นฐานการทำธุรกิจนั้น แน่นอนว่าเมื่อมีการซื้อขายบ่อยๆ ราคารถยนต์นั้นย่อมถูกลง ยิ่งปัจจุบันในบ้านเราผลิตรถเองและเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ตามนโยบาย Detroit of Asia ก็น่าจะได้เวลาแล้ว ที่รัฐจะต้องมองมากกว่าแค่ให้รถขายได้เท่านั้น
Sanook! Auto Comment >>> งานแถลงข่าวที่ผ่านมาคุณมาร์ติน จัดหรักที่กร้าวว่านโยบายซื้อรถคันแรกคงไม่ช่วยมากอาจจะเป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้ แต่แนวทางที่คุรมาร์ตินมองในการยกระดับความทันสมัยนั้นน่าจะเป็นเรื่องสำคัญกว่า เพราะค่ายรถสามารถทำยอดขายเติบโตได้อย่างยั่งยืน