7 อาการน่าเป็นห่วง! เมื่อรถของท่านต้องการการดูแล
หากพูดถึงรถยนต์แล้วแม้ทุกวันนี้เราจะแนะนำมาในการซื้อรถใหม่เพื่อขจัดปัญหาและทำให้การดูแลรักษานั้นง่ายยิ่งขึ้นนั้น ทว่าปัจจุบันเรายังต้องยอมรับครับว่าหลายคนที่ใช้รถใช้ถนนไม่เคยรู้จักที่จะดูแลรถเว้นแต่การล้างรถที่จำเป็นต้องทำไม่เช่นนั้น "อายเขา"
ความอายเพื่อสร้างภาพนั้นทำให้หลายต่อหลายครั้งที่เราพบว่ารถหลายคันมีสภาพดีแต่กลับมีสภาพเครื่องยนต์ที่ไม่สู้ดีนัก รวมถึงกลไกอื่นๆต่างๆที่ประกอบขึ้นมาเป็นรถยนต์ 1 คัน และวันนี้ก็คงได้เวลาแล้วที่เราจะต้องมาพูดคุยกันในเรื่องหลากปัญหาของรถที่คุณอาจจะสามารถรับรู้ได้โดยไม่ต้องถึงมือช่างและทำให้ป้องกันปัญหาก่อนที่จะลุกลามจนสร้างความเสียหาย หรือตายกลางทาง
งานนี้อาจจะต้องใช้การสังเกตสักเล็กน้อย แต่แน่นอนว่าบางครั้งคุณก็อาจจะรู้อยู่แล้วเพียงแต่ไม่ทราบว่ามันมีปัญหาจากส่วนใด ที่วันนี้ก็ได้เวลาที่เราจะมาพาคุณไปรู้จักหลากอาการเริ่มต้นต่างๆ ที่รู้ไว้ใช่เรื่องแบบนี้ป้องกันได้
1.สตาร์ทเครื่องนานกว่าปกติ ทันทีที่เราขึ้นรถแล้วบิดกุญแจเชื่อหรือไม่ครับว่า แม้แต่เสียงสตาร์ทนั้นยังบอกความเป็นสุขของรถท่านได้ โดยปกติแล้วการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้นจะใช้การถีบตัวไม่เกิน 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 30 วินาที ถ้านานกว่านั้นแสดงว่ารถเริ่มมีปัญหา ซึ่งโดยปกติ หมายถึงแบตเตอร์รี่อาจจะเริ่มเสื่อมสภาพ ยิ่งถ้ารถคุณ 2-3 เมื่อไรแล้วสตาร์ทช้า เตรียมเงินถอยแบตเตอร์รี่ลูกใหม่ได้เลย
2. ร่องรอยน้ำมัน บางครั้งเมื่อคุณจอดรถแล้วพบรอยน้ำมันหยดเป็นทางนั้น หรือเป็นจุดนั้นอย่าวางใจโดยเด็ดขาด เพราะตามปกติแล้วน้ำมันจะไม่สามารถหยดได้เอง นอกจากเกิดความเสียหายต่อระบบนั้นๆ ซึ่งหมายถึงต้องมีอะไรผิดปกติแล้ว ดังนั้นถ้าพบข้อนี้รีบตรวจสอบด่วน
3.เสียงที่ผิดปกติ ในหัวข้อนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ยากในการสังเกตในระหว่างขับรถแต่คุณสามารถสังเกตได้เมื่อรถจอดหรือเดินเบาเครื่องยนต์ก่อนขับออกถนน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการทำงานของเครื่องยนต์จะไม่มีเสียงผิดแปลก โดยเฉพาะ**เสียงเหล็กกระทบกัน หรือทางศัพท์ช่าง เรียกว่า "เสียงน๊อก" (Knocking) ซึ่งหากท่านได้ยินเสียงดังกล่าว และไม่เคยได้ยินมาก่อนนั้น ให้รีบไปหาผู้เชี่ยวชาญทันที แต่ทางที่ดีอันนี้อยากแนะนำบันทึกเสียงนั้นไว้ก่อน โดยอาจจะถ่ายคลิป เพื่อใช้ประกอบในการอธิบายปัญหา
4.ควันขาวออกท่อ จงจำไว้ว่ารถที่ดีนั้นต้องไม่มีควันขาว และเมื่อไรก็ตามที่รถของท่านมีอาการควันสีขาวออกท่อ พร้อมกลิ่นฉุน นั่นหมายถึงต้องมีสิ่งที่ผิดปกติกับระบบเครื่องยนต์ ซึ่งหากชี้ชัดไปนั้นมันจะมีหลายอาการมาก แต่เอาเป็นว่าถ้าเห็นแล้วรับหาช่างจะดีกว่านะ
5.ขับรถแล้วดูนุ่มนวลผิดกว่าปกติ บางครั้งที่คุณขับรถนั้นเวลาขับสังเกตดีๆว่ารถเรานิ่มนวลผิดปกติไปหรือไม่จากที่เคยใช้มา ถ้าคำตอบคือ "ใช่" แสดงว่ารถคุณมีความเป็นไปได้ใน 2 ทาง คือ 1 ลมยางอ่อน บางครั้งอาจจะหมายถึงยางรั่ว กับ 2 ระบบช่วงล่างบางชิ้นเสื่อมสภาพ โดยมากคือสปริง หรือโช๊ค
6.เสียง จี๊ดๆ ตอนเบรก ในข้อนี้หลายคนอาจจะบอกว่ามันเป็นอย่างไร แต่เอาเป็นว่าเมื่อคุณกดเบรกแล้ว ได้ยินเหมือนเสียงหนูร้องเพรียกอยู่ในรถ อาจจะด้านหน้า หรือ ด้านหลัง ซึ่งข้อนี้หมายถึงผ้าเบรกที่กำลังหมดอายุการใช้งาน ถ้าได้ยินแล้วอย่ารอช้า รีบหาเวลาไปเปลี่ยนผ้าเบรกก่อนที่มันจะทำความเสียหายต่อชุดจานเบรก
7.รถเร่งแล้วอืดกว่าเดิม ถ้าเมื่อไรรถคุณเร่งแล้วรู้สึกว่าไม่พุ่งเหมือนเดิมนั้น แต่ไม่มีความผิดปกติอย่างอื่นเช่นรอยน้ำมัน นั่นหมายถึงรถคุณนั้น อาจจะต้องการการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว แต่หากถ่ายมาแล้วและยังวิ่งอืดอยู่ ก็จะมีอีก 2 ตัว คือ 1.กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และ 2 กรองอากาศ ซึ่งอาการรถมีอัตราเร่งถอยนี้มีผลโดยตรงต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงครับ
ทั้ง 7 ข้อนี้เป็นสิ่งที่คุณจะพอสามารถสังเกตในระหว่างการขับขี่หรือใช้งานโดยทั่วไป ซึ่งทันทีที่คุณพบอาการต่างๆเหล่านี้ จงอย่าวางใจรับไปพบผู้เชี่ยวชาญหรือเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบหาปัญหาโดยทันที
Sanook! Auto Comment >> ใครหลายคนที่ขับรถเป็นประจำนั้นคงจะแทบไม่เคยสังเกตว่ารถตัวเองมีอาการผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรถยนต์นั้นต้องการดูแลมากกว่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่ง 7 อาการนี้พอจะช่วยคุณได้ และเราอยากจะฝากประโยคนี้ครับว่า "เมื่อเราดูแลรถ...รถก็จะดูแลเรา" ลองกลับไปเป็นข้อคิดเมื่อใช้รถ