Sanook! Drive : Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT ตัวจริงเรื่องความสปอร์ตกับน้องเล็กของอีโว
หากพูดถึงรถยนต์ในตลาดที่มีอยู่อย่างมากมายแล้ว รถในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ในปัจจุบันนั้น แม้จะได้รับความนิยมน้อยลงตามกระแสน้ำมันแพงทำให้คนจำนวนมากเริ่มมองรถเล็กที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้หลายอย่างมากขึ้น แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า รถที่ให้อรรถรสการขับขี่ที่เปี่ยมล้นนั้นยังเป็นที่ถวิลหาของใครหลายๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพูดถึงพิกัดความเร้าใจที่ใส่มาให้เต็มเปี่ยมจากโรงงาน
เมื่อช่วงวันแม่ที่ผ่านมานั้น เราได้มีโอกาสได้นำรถยนต์ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT มาคลุกคลีกันอย่างเต็มๆ หลังเมื่อช่วงต้นปีเราได้ไปทดสอบแบบ Group Test มาแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าในครั้งนี้เป็นการทดสอบในสภาวะการใช้งานจริง ที่รถคันนี้ต้องสามารถตอบโจทย์บนสภาวะถนนให้ได้ว่ามันมีดีพอกับราคาค่าตัว 1,051,000 บาท จนน่าจับจองเป็นเจ้าของหรือไม่
บ่ายๆ ก่อนวันแม่หนึ่งวันเรารีบกุลีกุจอเคลียร์งานต่างๆก่อนมุ่งหน้าสู่บริษัท Mitsubishi Motors ย่านรังสิต ไปรับ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT มาเลี้ยงดูเต็มๆ 3 วัน ช่วงหยุดยาว ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่เหมาะเจาะในการทดสอบยนตรกรรมแถวหน้าคอมแพ็คคาร์ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย
แม้ Mitsubishi ดูเหมือนจะให้ความสนใจในการเทขายรุ่น 1.8 ลิตรมากกว่า สำหรับ Mitsubishi Lancer EX ที่เปิดตัวมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ความเปี่ยมล้นในจิตวิญญาณของเครื่องยนต์ขนาด 2000 ซีซี นั้น ก็เชิญชวนให้เราอยากลิ้มลองโดยเฉพาะ เมื่อนี่คือรุ่นที่ "จิตวิญญาณการแข่งขัน" ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ และประกอบกับราคาที่ปรับลงมาเย้ายวนใจใครหลายๆคนที่รักรถที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง บททดสอบนี้จึงเริ่มขึ้น
รัก...แรกพบ
เมื่อช่วงต้นปีตอนไป Group Test กับค่าย Mitsubishi ที่ถือเป็นงานแรกๆที่ทาง Sanook! auto ออกไปเปิดหูเปิดตาโลกยานยนต์ในไทยนั้น เราได้มีโอกาสสัมผัสรถรุ่นนี้กันไปแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้เมื่อมาควงกันเคียงข้างเป็นเพื่อนคู่ใจนั้น ทำให้เราหวนนึกถึงความประทับใจแรกเห็น โดยเฉพาะภาพลักษณ์ใหม่ของรถรุ่นนี้ที่ไม่ต่างจาก Mitsubishi Evolution รถสปอร์ตแรลลี่ตัวเต็มขับเคลื่อน 4 ล้อ... รถในฝันของใครหลายๆคน
ถ้าจะบอกว่านี่คือน้องเล็กของ Evolution ใครก็คงจะเชื่อด้วยใบหน้าที่ถูกปั้นแต่งใหม่มาในแบบจมูกเบิกกว้างหน้าทรงปลาฉลาม ไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยวดุดัน เติมแต่งด้วยชุดแต่งจากโรงงาน ควบมาหมดตั้งแต่สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และสปอร์ยเลอร์หลังที่ลงตัวไม่เทอะทะ แต่อยากจะบอกว่าทั้งหมดรวมถึงเจ้า Diffuser ด้านหลังที่ปลายกันชนนี้ ทั้งหมดเป็นของสำนัก Ralliart แท้จากโรงงาน และเจ้าน้องเล็กคนนี้สวมรองเท้าขอบ 18 รมดำกว้าง 7 นิ้ว มาพร้อมยางสปอร์ต Yokohama Advan ซีรี่ย์ 215/45/R18 เรียกว่าครบถ้วนหมดทุกอย่าง
สปอร์ตทันสมัยแม้ภายในห้องโดยสาร
หลังจากทำพิธีรับมอบกันสักพักใหญ่เราก็ได้รับกุญแจรีโมท Keyless Operation System หรือ KOS ที่หมายถึงเราพร้อมแล้วที่จะขับ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT ที่เพียงปลายนิ้วแตะสัมผัสเบาๆที่ปุ่มข้างประตู เจ้าน้องอีโวคันนี้ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว กางหู กระพริบไฟ เหมือนดีใจจะได้ออกเที่ยว
Keyless Entry ช่วยให้เราสามารถขึ้น-ลงรถได้อย่างสะดวกและจะไม่ตอบสนองหากเรายืนห่างจากรถ 2 เมตร แต่ที่สังเกตคือการใช้ระบบ Keyless ที่ฝากระโปรงหลังนั้นยังตอบสนองบ้างไม่ตอบสนองอาจจะเป็นเพราะระยะห่างจากตัวเซ็นเซอร์แต่ข้อดีที่เห็นชัดของระบบนี้คือมันสามารถใช้งานง่าย
หลังจากทำความคุ้นเคยกับระบบพักใหญ่ ก็ได้เวลาประจำตำแหน่งในห้องโดยสารที่รถคันนี้เน้นความสปอร์ตในจิตวิญญาณอย่างมาก ด้วยการตบแต่งภายในสีดำทั้งคัน ซึ่งอาจจะทำให้มิติห้องโดยสารโดยรวมนั้นดูเล็กไปแต่เมื่อลงนั่งบนเบาะนั่งแบบสปอร์ตทางด้านคนขับที่ติดตั้งมาให้คู่หน้านั้น ก็โอบกระชับพอดีตัวทำให้รู้สึกเหมือนคุณอยู่ในรถแข่ง ที่ตรงหน้ามีพวงมาลัยมัลติฟังชั่น 3 ก้านสามารถควบคุมเครื่องเสียง และมีระบบ Cruise Control มาด้วย ส่วนลึกลงไปเป็นมาตรวัดแบบสปอร์ตพร้อม Trip Computer ที่ฝังไว้ในคอนโซลหน้าสีดำ สามารถดูข้อมูลได้ด้วยปุ่ม Info ที่อยู่ด้านข้างขวาหลังพวงมาลัย
ตรงกลางคอนโซลจุเครื่องเล่น DVD ที่มาเสร็จสรรพพร้อมจอทัชสกรีน 7 นิ้ว มีระบบเชื่อมต่อ bluetooth ลิงค์กับโทรศัพท์ยามขับขี่ ทำงานทันทีที่คุณเปิดวิทยุ ที่ต้องเซทค่าก่อนแต่ก็ไม่ยากเกินเข้าใจ นอกจากนี้ยังมีช่องต่อ USB และIpod ตรงรุ่น สายนั้นเก็บไว้ในคอนโซลหน้าฝั่งคนนั่ง ถัดลงมาเป็นสวิทช์ระบบปรับอากาศ มาพร้อมระบบแอร์อัตโนมัติใช้ลูกเล่นหมุ่นปรับระดับส่วนตรงกลางนั้นกดตัดการทำงานคอมเพรสเซอร์ หรือ กดเพื่อให้ไล่ฝ้ากระจกหลังทำงาน ถังลงมาเป็นคันเกียร์อัตโนมัติ ไล่เรียง P R N D และ ผลักทางด้านขวาจะเป็น Manual Mode + เพิ่มตำแหน่งเกียร์ผลักขึ้น ส่วน ลดตำแหน่งเกียร์ - ให้ผลักลง
เหลียวไปมองเบาะหลังลงตัวด้วยหนังสีดำเช่นกันตรงกลางมาพร้อมพนักวางแขนที่ยังสามารถพับเบาะเปลี่ยนเป็นพื้นที่วางของได้ในอัตรา 60 :40 ส่วนเหนือเพดานมีไฟส่องสว่างและกระจกก็เป็นตัดแสงมาจากโรงงานช่วยให้ขับขี่ได้โดยไม่ล้ายามค่ำคืน
หลังจากพร้อมเสร็จสรรพปรับเบาะนั่งปรับเบาะนั่งด้วยระบบอัตโนมือ ที่เราหวังเล็กว่า Mitsubishi จะให้เบาะไฟฟ้าในอนาคตนั้นก็ได้เวลาบิดสวิทช์สตาร์ท แต่เมื่อขับรถออกมาสักระยะหนึ่งก็สังเกตว่าประตูไม่ล็อคอัตโนมัติ และตำแหน่งล็อคประตูที่กับมือจับเปิดประตูนั่นทำให้ไม่ค่อยเป็นที่สังเกตเท่าไร น่าจะย้ายมาช่วงสวิทช์กระจกดีกว่า
จิญวิญญาณเดียวกับ Evolution แค่ไม่มีตัวเพิ่มพลังเท่านั้น
เครื่องยนต์ขนาด 2000 ซีซี รหัส 4B11 ที่มองจากหน้าปัดมีอัตราเร่งสูงสุดที่ 6500 รอบต่อนาที แต่จากรายละเอียดทางเทคนิคระบุว่าขุมพลังตัวนี้ให้อัตราเร่งสูงสุด 154 แรงม้าที่ 6000 รอบต่อนาที ตอบสนองแรงบิดสูงสุด 198 นิวตันเมตร ที่ 4250 ต่อนาที มาพร้อมระบบเกียร์ Invect III 6 สปีด และที่สำคัญหลังพวงมาลัยมีความมันส์กับ Paddle Shift ให้ได้บริหารนิ้วกันด้วยแหละ
เราสตาร์ทเครื่องยนต์ที่จอดนิ่ง และทันทีสิ้นเสียงแชะ! ขุมพลัง 4B11 รหัสเดียวกับพี่ใหญ่ Evolution จะขาดก็แต่เพียงเทอร์โบเบ่งพลังที่แน่นิ่งก็ส่งเสียงคำรามพร้อมทะยานและเดินเบาที่ 700 รอบต่อนาที ถ้าไม่สังเกตเรือนไมล์ก็แทบไม่ได้ยินเสียงการทำงานของเครื่องยนต์เลยแม้แต่น้อย ทว่าหลังจากตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่พร้อมภาระการทดสอบ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT นั้น เราก็พบว่าการวอร์มเครื่องตอนเช้าค่อนข้างหฤโหดฟาดไปเสีย 1500 รอบต่อนาที หึ่งจนน่ารำคาญ
สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะกังขาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ขนาด 2000 ซีซี คงไม่พ้นความเหมาะสมในการใช้งาน ที่ยังไม่นับราคาที่แพงกว่าแต่ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT มีอะไรมากกว่าแค่เครื่องยนต์เปี่ยมสมรรถนะ และเราก็นำมันออกทะยานสู่ปลายทางเมืองหัวหินเพื่อหาข้อพิสูจน์
ในการเดินทางออกทะเลครั้งนี้เราเดินทางด้วยผู้โดยสาร 2 คน พร้อม สัมภาระที่ไม่มีอะไรมาก แค่กระเป๋าและขาตั้งกล้อง ที่ดันวางลืมทิ้งเอาไว้แถมไปให้ตอนนำรถไปคืนยังบริษัท Mitsubishi ที่ต้องขอบคุณ พีอาร์สาวสวยพี่จิมที่ช่วยเก็บไว้ให้เป็นอย่างดี
กลับมาว่าการทดสอบกันต่อก่อนเดินทางเราเช็คลมยางให้อัตราลมยาง 4 ล้อที่ 38 PSI เอาค่อนข้างแข็งเล็กน้อยเพื่อพิสูจน์ช่วงล่าง ก่อนปักตะไคร้มองฟ้าฝนน่าจะเป็นใจ แต่เมฆเยอะ แล้วก็ได้ฤกษ์เคลื่อนพลสู่ปลายทาง
จุดเริ่มต้นการทดสอบนั้นอยู่ที่ย่านหลักสี่ และเดินทางออกทางถนน นครอินทร์ ดิ่งออกถนนกาญจนา จรดถนนพระราม 2 ยิงยาวถึงวังมะนาวแล้วไปตามทางถนนเพชรเกษม โดยใช้เส้นทางเดิมผ่านตัวเมืองชะอำ การขับทดสอบนั้นเราใช้ความเร็วประมาณ 120-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ถือเป็นความเร็วเดินทางปกติของคนสมัยนี้ แต่แล้วเมื่อเข้าสู่ถนนพระราม 2 ขณะมุ่งหน้ามหาชัย การจราจรคับคั่งก็กลับกลายเป็นติดขัด ยาวยันเกือบถึงย่านนาเกลือสมุทรสงคราม
2 ชั่วโมงบนถนนยังห่างจากกรุงเทพมหานครไม่ถึง 100 กิโลเมตรเล่นเอาเซ็งไปเหมือนกัน แต่แล้วการจราจรก็เริ่มเคลื่อนตัวได้ ต้นเหตุไม่ใช่อะไรแค่มีงานวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ริมถนนเท่านั้น ก่อนยิงยาวทำความเร็วเพิ่มไปเหยียบ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และป้วนเปี้ยนแถวๆนั้น
ช่วงที่ขับย่านความเร็วสูงนี้ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT สามารถตอบสนองได้ดี การขับขี่แน่นหนึบแม้เปลี่ยนเลนในความเร็วสูงก็ยังให้ความมั่นใจได้ เช่นเดียวกับการเข้าโค้งที่ฟิตปั๋งไม่มีโยนให้เห็น ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นต้องยกให้ชุดสปอร์ยเลอร์หลัง แม้เคยโดนกังขาว่าบดบังทัศนวิสัย อีกข้อหนึ่งที่สำคัญก็มาจากล้อแม็กขอบ 18 นิ้วทำให้ยางมีหน้าสัมผัสเยอะขึ้นช่วยเพิ่มสมรรถนะการเกาะถนนยิ่งขึ้น
น้ำมันที่เต็มจากกรุงเทพมหานครสามารถวิ่งถึงหัวหินได้ด้วยความเร็วตามที่กล่าว โดยใช้น้ำมันเพียงครึ่งถังจากถังน้ำมันขนาด 59 ลิตรเท่านั้นช่างน่าอัศจรรย์ใจ โดยเฉพาะเมื่อเลยชะอำเราลองทำความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ปั้นได้ดีสุดที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อกดดูอัตราการใช้เชื้อเพลิงจาก trip computer ก็ได้ตัวเลขที่ 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าดีเยี่ยมกับความเร็วระดับนี้ ซึ่งเมื่อเทียบออกมาเป็นค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร บททดสอบนอกเมืองนี้ใช้เงินเพียง 3.7 บาทต่อกิโลเมตรเท่านั้น
วันใหม่ในเมือง..คันนี้ก็คล่องตัว
เช้าวันใหม่หลังจากการทดสอบนอกเมืองเราตื่นมาขี่ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT สู่ย่านใจกลางกรุงการขับในเมืองคนจำนวนมากมักจะเลือกขับในโหมด D ตลอด และนั่นก็เป็นเช่นเดียวกับเรา โดยวันนี้ออนทัวร์ฉายเดี่ยวขับไปๆมาๆ ก็พบว่าเกียร์ Invect III นั้นตอบสนองได้ดีแต่ค่อนข้างลากรอบไปสักนิด เรียกว่าไม่ถอนคันเร่งก็ไม่เปลี่ยน และเป็นเช่นนี้หลายรอบ จนต้องได้แตะ Paddle shift ที่สามารถใช้งานได้ทันที แต่เจ้าเกียร์มือนี้แม้จะตอบสนองดีตามใจฉันแต่ก็ให้ผลไม่ต่างจากเดิมเลย คือ เปลี่ยนตำแหน่งช้า และไม่ต้องสงสัยว่ามันต้องมีผลต่ออัตราการสิ้นเปลืองอย่างแน่นอน
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการจราจรในเมืองนั้นถือเป็นโจทย์ที่ยากที่เครื่องขนาด 2.0 ลิตร จะตอบเรื่องอัตราซดน้ำมันอยู่แล้ว เราฝากเสนอแนะว่า หาปุ่มหรือทำโหมดประหยัดขึ้นมาน่าจะช่วยได้ โดยเฉพาะการปรับโปรแกรมเกียร์ไม่ให้ลากรอบในช่วงโหมด D จะทำให้อัตราประหยัดนั้นดีกว่านี้ แต่จากการทดสอบ ที่วิ่งไปรอบๆเมืองนั้นเราได้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 9.2 กิโลเมตรต่อลิตร อ้างอิงจาก Trip Computer
ข้อหนึ่งที่น่าชมเชยใน Mitsubishi Lancer Ex 2.0 GT นั้น คือความคล่องตัวในเมืองที่ทำได้ดีรถหน้าสั้นนั้นทำให้มันขับง่าย เช่นเดียวกับ walking Speed หรือ อัตราเดินเบาแบบไม่แตะคันเร่งนั้นก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว ซึ่งโดยรวมน่าจะเรียกว่ารถคันนี้มีสมรรถนะเข้าขั้น
ถ้าไม่นับข้อติเตียนจากเราเล็กๆน้อย Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT ก็เป็นคอมแพ็คคาร์อีกรุ่นที่พกสมรรถนะมาอย่างเต็มเปี่ยม ตั้งแต่เรือนร่างที่ดุดันและสง่างาม จนถึงเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ดีและช่วงล่างที่แน่น ด้วยราคา 1.051 ล้านบาท หากคุณชอบความสปอร์ต..ต้องไม่พลาดคว้ามันมาเป็นเจ้าของ
ตารางคะแนนการขับขี่ Mitsubishi Lancer EX 2.0 GT
Sanook! Drive Car Recommend **** point 90
หัวข้อ |
คะแนน (เต็ม10) |
คำแนะนำและข้อเสนอแนะ |
รูปลักษณ์ภายนอก |
9.5 |
การให้รูปโฉมของ Evolution ในรถรุ่นนี้ถือว่าลงตัวมา ชุดแต่งพร้อม ล้อแม็กครบทั้งหมดพร้อมซิ่ง ถือว่าเป็นจุดเด่น ความจริงก็อยากให้เต็มอยู่ แต่เมื่อความงามแบบนี้มาจากการเสริมชุดแต่งก็ขอหักเล็กน้อย แต่ทำได้ดีเลยทีเดียว .. |
ภายในห้องโดยสาร |
8.5 |
ห้องโดยสารสีดำดูงดงามอุปกรณ์พร้อมดี เครื่องเสียงเวิร์ค รถขายจริงมีระบบนำทางด้วย แต่ข้อติติงคือ 1.ปุ่มล็อคประตู ถ้าไม่คิดจะย้ายทำให้มันล็อคเองนะ Mitsubishi 2.เรื่องปุ่มที่พวงมาลัย จริงๆใช้งานไม่ยากถ้าคุ้นเคย แต่ถ้าไม่คุ้นเคยนี่ปัญหาใหญ่ 3.เบาะนั่งน่าจะใส่ปรับไฟฟ้าได้แล้ว |
สมรรถนะเครื่องยนต์และความประหยัด |
9 |
เครื่องยนต์ 4B11 นี่รหัสเดียวกับ อีโวเลยขับ ขับมันส์ ขับสนุก แต่อัตราทานน้ำที่ยังเป็นรองนั้นปัญหาใหญ่คือระบบส่งกำลัง ที่ยังลาก หรือมีการกระชากบ่อยครั้ง เราได้ลองใช้ manual Mode ขับดูพบว่าทำอัตราสิ้นเปลืองดีกว่าอย่างชัดเจน ดังนั้นต้องไปปรับปรุงอีกหน่อย ส่วนอัตราสิ้นเปลืองระหว่างทดสอบถ้าเทียบกับพิกัดเครื่องถือว่าผ่าน แต่เชื่อว่าเมื่อปรับเรื่องเกียร์จะดีขึ้นกว่านี้อีก |
ระบบกันสะเทือนและเทคโนโลยี |
9 |
ทุกอย่างลงตัวทำได้ดีแล้ว แต่ความดีความชอบนั้นก็มาจากการปรับแต่งด้วย เช่นการเพิ่มสตรัทบาร์ในห้องเครื่อง การใส่สปอร์ยเลอร์อะไรแบบนี้ ซึ่งหากตัวเปล่าแล้วขับได้เทพขนาดนี้ คะแนนเต็มไม่ไกลเกินเอื้อม |
ภาพและเรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับข้อมูลและรถทดสอบ Mitsubishi Lancer EX2.0 GT
อัลบั้มภาพ 37 ภาพ