Sanook! Drive : Ford Fiesta ...ลองขับชิวๆกับ E20

ในช่วงนี้กับนโยบายรถคันแรกนั้น ต้องขอบอกเลยว่านี่เป็นกระแสการเพิ่มยอดขายให้กับผุ้ผลิตรถยนต์ที่ให้ค่ายรถยนต์หลายเจ้าออกดรงมาปรบมือเฮ แต่ในขณะที่รัฐกำลังทำให้คนอยากรถก้ควรต้องมองเรื่องอื่นที่เป็นปัจจัยสำคัญด้วย โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อม

ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงานหลายนั้นดูจะน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ลดฮวบจากการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเนินนานเพียงใด ซึ่งแม้การดำเนินมาตรการนี้จะดีสมราคาคุย แต่มันอาจจะทำให้หลายลืมคิดถึง Gasohol โดยเฉพาะน้ำมัน E20 ที่มีราคาถูกกว่ามากทั้งยังช่วงรักษาสิ่งแวดล้อม และล่าสุด Ford ก็พาเราชิวกับ Ford Fiesta กับน้ำมัน E20 ที่ทั้งช่วยคุณประหยัดและรักษ์โลก

Ford fiesta ..รถดีที่ต้องรู้ใจ

 

งานนี้นับเป็นโอกาสอันดีของทีมงาน sanook! Auto ที่จะได้รู้จัก Ford Fiesta อย่างถึงพริกถึงขิง ซึ่งต้องยอมรับว่าเราไม่เคยขับรถรุ่นนี้มาก่อน นอกจากผ่านตาตามถนนที่ออกปากชมด้านการออกแบบที่ทำได้อย่างลงตัว

Ford fiesta นั้นถือเป็นเส้นสายการออกแบบใหม่ของค่าย ford ที่ให้อารมณ์ความทันสมัย โดยรุ่นที่ได้ขับขี่ในครั้งนี้เป็น ford Fiesta S รุ่น 5 ประตู แต่เราเองก็แอบเหล่เวอร์ชั่น 4 ประตู ที่ดูแล้วให้คนละอารมณ์ แต่จะติเล็กน้อยก็ไฟท้ายของ 4 ประตู ที่ขาดๆ อะไรไปบางอย่าง

หลังฟังบรรยายสรุปการเดินทางเรียบร้อย ผมและเพื่อนสมาชิกสื่อมวลชนอีกท่านหนึ่งเข้าประจำการในรถ โดยทีมงานเรารับไม้แรกขับจากย่านซ.อารีย์ ไปยังสระบุรี โดยการเดินทางทั้งหมดยืนยันว่าใช้แก๊สโซฮอล E20 ซึ่ง Ford fiesta S นั้นเป็นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร มาพร้อมระบบเกียร์คลัทช์คู่ Powershift 6 สปีด ที่พร้อมให้ทั้งสมรรถนะและการขับขี่

เราโยนสัมภาระที่ท้ายรถที่มีกระเป๋าเดินทางใหญ่ๆ 2 ใบ พร้อมเป้ของผมและเพื่อนสื่อมวลชน ก่อนเข้าสู่ห้องโดยสารที่นั่งกระชับบนเบาะสปอร์ต เรียนตามตรงว่าทีแรกนั้นค่อนข้างจะรู้สึกไม่สบายตัว แน่นอนถ้าเทียบกับรถยี่ห้ออื่น แต่ถ้าใช้เวลาสักพักหรือเคยขับรถแข่งมาก่อนอาจจะไม่ใช่ปัญหา เช่นเดียวกับอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องอาศัยการเรียนรู้พื้นฐานเป็นสำคัญ โดยเฉพาะคนขับรถญี่ปุ่นเป็นประจำนี่รับรองว่าสับผิดเป็นถูกต้องมีแน่ๆ

ในช่วงแรกนั้นด้วยระยะเวลาอันสั้นเรายอมรับว่ายังไม่สามารถจูนกับ ford Fiesta ได้อย่างลงตัว แต่เมื่อออกจากซอยอารียร์สู่วิภาวดีรังสิตก็คุ้นเคยมากยิ่งขึ้นพวงมาลัยนั้นเบามากคล่องแคล่วยิ่งในเมืองถือว่ามันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ

 

E20 สมรรถนะการขับขี่ที่ไม่แตกต่าง

 

หลังจากเดินทางออกมาสู่ถนนใหญ่เราได้โอกาสเริ่มทดสอบ E20 อย่างจริงจัง และเมื่อทางโล่งหลังผ่านขึ้นโทลล์เวย์ก็ได้เวลาจัดเต็ม ซึ่งเมื่อคิกดาวน์ Ford fiesta ตอบสนองได้ดี แม้จะมีการตบเกียร์ 2 จังหวะจากทีสังเกต แต่ fiesta ก็ให้อารมณ์ดึงแรงๆแบบ "ก้นจมเบาะ" ฟาดกันหนักหน่วงที่เร่งเริ่มต้นประมาณ 5000 รอบต่อนาที ไต่ยาวจนถึง 6500 รอบต่อนาที ให้อารมณ์สปอร์ตเต็มพิกัด

เรื่องหนึ่งที่สังเกตคือเมื่อเค้นหนักๆกลิ่นน้ำมันจะเข้าสู่ห้องโดยสาร โชยให้อมหวนกันแต่ก็แค่ชั่วครู่ถือว่าพอรับได้จะเป็นแค่ช่วงคิกดาวน์สั้นๆเท่านั้น แต่ขับยาวๆไม่เป็นไร และในช่วงนี้เราลองทำความเร็วสูงได้ที่ 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งความจริงเหยียบได้มากกว่านี้ แต่ลมปะทะข้างวันนั้นค่อนข้างแรง จึงเกรงว่าจะเป็นอันตราย

เราขับยาวมาเรื่อย โดยใช้ความเร็วระดับปถุชนที่ 120 กิดลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร สามารถตอบสนองได้ดีโดยที่คุณอาจจะไม่คิดว่านี่เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 แต่ก่อนถึงสระบุรีเรามีเพื่อนมาชวนท้าประลองเล็กน้อยกับสิงห์ดีเซล Ford Fiesta ก็ยังตอบสนองได้ดี มีหลายจังหวะที่เราได้มีโอกาสใช้ระบบควบคุมการทรงตัว ESP (Electronic Stability Program) สามารถช่วยคุณได้ โดยเฉพาะใครที่ชอบมุดยามขับขี่ แต่ไม่แนะนำให้ทำถ้าขับจริง ส่วนผลการทดสอบในโหมดนี้ ford fiesta ถือว่าทำได้ดีเกินคาดจนน่าประทับใจ แต่เมื่อเหมาว่านี่คือ E20 มันก็ชนะใจเราไปได้อย่างไม่ลังเล

 

ขับชิวก็ดี..

หลังแวะจุดพักรถแรกเราก็เปลี่ยนมือกับพี่สื่อมวลชนอีกท่านหนึ่ง ลองทดสอบที่ครั้งนี้เป็นโหมดชิว ผมจึงขอออกตัวมานั่งบ้าง ซึ่ง ford fiesta ทำได้ดีเมื่อคุณคุ้นเคยแม้จะในการนั่งแต่เราก็อดเซงกับการปรับเบาะที่ใช้ระบบหมุนแบบเดียวกับรถแข่งทำให้ไม่สามารถเอนนอนได้ตามใจ ต้องทนหมุนกันสักหน่อยแต่กว่าจะหมุนได้ก็ปาเข้าไปนานโขเลยทีเดียว อันนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกัน เช่นเดียวกันกับที่หลายคนคงสงสัยเรื่องระบบสั่งการด้วยเสียงว่าทำงานเป็นอย่างไรบ้าง อันนี้ต้องบอกว่าดีเยี่ยม แต่ถ้าคุณพูดคุยกับรถในส่วนของการรับภาควิทยุแล้วคลื่นนั้นไม่สามารถรับได้ ระบบจะทำการเลือกที่ดีที่สุด ผลคือไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณสั่ง FM nine- five point five (FM95.5) แล้วไปติดคลื่นลูกทุ่งหรือหมอลำ

การเดินทางในช่วงนี้จากที่สังเกตเราใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยประมาณ ตรงไปยังหมู่บ้านพลัม นักบวชพุธนิกายมหายานที่อยู่ในย่านเข้าใหญ่ไปแวะชมและทำบุญร่วมกัน ก่อนตรงสู่ที่พักที่อิงแอบธรรมชาติ

 

 

วันที่สองคัมแบ็ค Bangkok กับผลพิสูจน์ที่ท้าทาย

 

หลังจากจัดหนักกันไปอย่างเต็มที่ในวันแรก วันที่ 2 ก็เป็นวันเดินทางกลับกรุงของพวกเราด้วย ford fiesta E20 เมื่อสักครู่ลืมบอกไปว่า ford fiesta สีแดง true red นี่สะกดทีมงาน ford จริง รถของเราได้รับคัดเลือกไปทำหน้าที่หลายอย่างระหว่างการเดินทางเช่น ขนข้าวสาร 4 กระสอบ (กระสอบละ 20 กิโลกรัม) เข้ามาบริจาคหมู่บ้านพลัม นักบวชจากนิกายมหายาน หรือจะถูกนำไปถ่ายรูปนอกรอบ แต่วันนี้บททดสอบความประหยัดจะจบลง เมื่อกลับถึงปั้มย่านวิภาวดีรังสิตในช่วงบ่ายๆ

ในวันนี้ผมกลับมาเป็นพลขับอีกรอบ และทะยาน Ford fiesta ด้วยความเร็วปกติขณะเดินทางเฉลี่ยที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วบางอารมณ์อยากมันส์ก็ลองสาดโค้งที่ความเร็วเดียวกันที่ถนนธนะรัตน์ทางขึ้นเข้าใหญ่ ผลคือ Ford fiesta จับถนนได้ดี แต่ถ้าใครไม่คุ้นจะรู้สึกว่าท้ายเหวอๆเล็กน้อย ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะมันเป็นเรื่องปกติของรถ 5 ประตู

เราเดินทางไปยังไร่ผักออกแกนิกส์ก่อนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพแบบทางใครทางมันแต่ไม่ได้แข่งกัน ผมและเพื่อนสื่อมวลชนใช้ความเร็วปกติในการขับขี่มาเรื่อยๆ ก็เจอเพื่อร่วมขบวนยางแตกข้างทางย่านสระบุรีจึงจอดช่วยเหลือเล็กน้อยก่อนเดินทางต่อสู่กรุงเทพมหานคร

การเดินทางกลับเราเข้าสู่เส้นวิภาวดีก่อนโผขึ้นดอนเมืองโทล์เวย์ย่านรังสิตและลงที่รัชาดาภิเษก เข้าสู่ปั้ม ปตท.ติดกับ Toshiba ซึ่งเป็นเส้นชัยในการเดินทางครั้งนี้

โดยสรุปแล้วผมและเพื่อนสื่อมวลชนใช้ความเร็วเดินทางที่ 110-140 กิโลเมตรต่อชั่วเฉลี่ย เหมารวมว่าใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วรถ Ford Fiesta 5 ประตูที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว 3520 กิโลเมตร ผลคือเราเดินทางในครั้งนี้ไปกว่า 511 กิโลเมตร และเมื่อเสียบหัวจ่ายเติมจนตัดเราใช้น้ำมันไปกว่า 36.29 ลิตร ทำอัตราประหยัดได้ 14.09 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ

การเดินทางครั้งนับเป็นการเดินทางที่พิสูจน์การใช้พลังงานทางเลือกอย่างน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ที่หลายคนอาจจะติดภาพลักษณ์ในฐานะพลังงานทางเลือก แต่ยังไงก็อย่าลืมว่าน้ำมันเหล่านี้นอกจากเซฟเงินในกระเป๋าแล้วยังลดการปล่อยมลภาวะที่น้อยลงช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น และถ้าคุณใช้ ford Fiesta อยู่สามารถเติมได้เลยไม่ต้องปรับแต่งเครื่องใดๆ