หน้าฝนแล้ว ...ดูยังไง? ได้เวลาเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนหรือยัง?

หน้าฝนแล้ว ...ดูยังไง? ได้เวลาเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนหรือยัง?

หน้าฝนแล้ว ...ดูยังไง? ได้เวลาเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนหรือยัง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     คอลัมน์ คาร์ทิปส์/มติชนรายวัน 8 สิงหาคม 2558


     ช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน ใบปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานใบปัดน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพจะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน แต่ส่วนใหญ่ผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปจะละเลยการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน แม้ใบปัดน้ำฝนจะเสื่อมสภาพแล้วก็ตาม การใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพนั้นอาจจะส่งผลเสียไปถึงชิ้นส่วนอื่นๆ ได้ เช่น กระจกหน้ารถอาจจะเป็นรอย หากใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพในช่วงที่ฝนตกหนักจะยิ่งทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

     ปัจจัยที่ทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ได้แก่ ความร้อนจากแสงแดดส่องลงมาสะสมอยู่ในกระจก ทำให้ใบปัดน้ำฝนที่ทำจากยาง กรอบ เสียความยืดหยุ่น และเสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ ฝุ่นจับยางปัดน้ำฝนก็จะเกิดความสึกหรอขึ้นได้ เหมือนการเอากระดาษทรายไปขัดกระจกและยางปัดน้ำฝน

     ยานยนต์ "มติชน" แนะนำข้อสังเกตว่าได้เวลาเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนหรือยัง ดูง่ายๆ ว่าการทำงานของใบปัดน้ำฝนนั้นปัดสะอาดหรือไม่ หากใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพหรือติดตั้งผิดวิธี จะเกิดละอองน้ำเป็นสันครึ่งวงกลมหรือแถบเส้น หลังจากปัดกระจกแล้วยังมีละอองน้ำเป็นเส้นสันครึ่งวงกลมหรือเป็นม่านบนกระจกและมัว เกิดจากการใช้ยางปัดแข็งจนกรอบแตก ไม่สามารถปาดน้ำจากหน้ากระจกได้สะอาด ไม่สามารถจะรีดน้ำออกจากกระจกได้หมด อีกอาการคือมีเสียงดังรบกวน ใบปัดจะมีเสียงดังเอี๊ยดๆ และกระตุกขณะทำงาน เกิดจากการเสียดสีระหว่างใบปัดน้ำฝนกับหน้ากระจก

     วิธีการดูแลใบปัดน้ำฝน แม้ว่าใบปัดน้ำฝนจะไม่ได้ใช้งานเป็นประจำก็มีโอกาสชำรุดหรือเสื่อมสภาพได้ เช่น การจอดรถตากแดดนานๆ เป็นประจำจะทำให้ยางปัดน้ำฝนแข็งกรอบ ขาดความยืดหยุ่น เพราะยางต้องแนบกับกระจกที่รับความร้อน

 

     หลายท่านสงสัยว่า ถ้าหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดไม่ได้ การยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นจะดีหรือไม่

     การยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นค้างบ่อยๆ จะทำให้สปริงที่ก้านใบปัดน้ำฝนมีโอกาสเกิดอาการล้า ผลคือแรงกดบนกระจกบังลมลดลง อาจทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมการปัดน้ำฝนลดลง และที่สำคัญค่าเปลี่ยนสปริงจะสูงกว่าราคาใบปัดน้ำฝนมาก

     ดังนั้นถ้าเลือกได้ควรเลือกจอดรถในร่มน่าจะดีกว่า และหมั่นตรวจเช็กสภาพความพร้อมและทำความสะอาดยางปัดน้ำฝนด้วยตนเองสัปดาห์ละ 1 ครั้ง มีเทคนิคง่ายๆ คือ ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นและใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดหมาด เช็ดรูดไปตามความยาวของยางปัดน้ำฝนในทิศทางเดียว หากพบร่องรอยการฉีกขาดหรือแข็งกรอบ ควรรีบจัดหาเปลี่ยนชุดใหม่ เพราะนอกจากจะปัดไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้เกิดเสียงดังและสะดุดขณะปัด หรืออาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนกระจกได้อีกด้วย

     นอกจากนี้ ถังน้ำที่ใช้สำหรับฉีดกระจกนั้นความจริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องหาน้ำยาอะไรมาผสม แต่ถ้าท่านต้องการจะให้กระจกสะอาดขึ้นเวลาฉีดล้างกระจกที่มีละอองน้ำมัน-เขม่าควันต่างๆ ก็ลองหามาเติมดูสักนิดก็ได้ แต่ต้องระวังว่าน้ำยาที่เติมลงไปจะต้องไม่เป็นอันตรายกับสีของรถ และเวลาเติมจะต้องผสมกับน้ำให้เข้ากันเสียก่อนเติมลงในถัง

 

     ส่วนปัญหา เวลาต้องการฉีดน้ำล้างกระจกหน้า แต่น้ำที่พุ่งออกมากลับไปคนละทาง ควรตั้งรูหัวฉีดใหม่ให้ตรงกับหน้ากระจก หาเข็มหรือจะเป็นปลายไม้แหลมๆ เสียบเข้าไปที่รูฉีดน้ำแล้วดัดไปทางที่ต้องการ โดยลองฉีดน้ำดูเรื่อยๆ

     การเลือกซื้อใบปัดน้ำฝน ควรเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุและเนื้อยางที่มีคุณภาพดี จะสามารถใช้งานได้นาน โครงของใบปัดน้ำฝนควรทำจากวัสดุโลหะทั้งโครง เพื่อช่วยป้องกันการกระพือจากแรงลมในขณะใช้ความเร็วสูง และสามารถเพิ่มน้ำหนักในการรีดน้ำให้เรียบอีกด้วย

     นอกจากนี้ เนื้อยางของใบปัดน้ำฝน ควรเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีเนื้อยางสูตรเฉพาะ เหมาะสำหรับการใช้ในบ้านเรา สามารถคงคุณภาพยางไม่ให้เสื่อมเร็วเกินไป ใบปัดน้ำฝนบางชนิดอาจจะมีราคาถูก แต่เสื่อมประสิทธิภาพเร็ว

     ข้อสำคัญอีกเรื่องคือ รถแต่ละรุ่นจะใช้ใบปัดน้ำฝนขนาดแตกต่างกัน จึงควรจะดูขนาดที่ระบุอยู่ในคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือเทียบดูรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนได้เช่นกัน การเลือกซื้อยางปัดน้ำฝนที่แนบสนิทกับกระจกบังลมจะช่วยให้การรีดน้ำมีประสิทธิภาพดีขึ้น

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook