DIY ซ่อมเครื่องรถโดนน้ำท่วม..ทำเองก็ได้ถ้าแน่ใจในฝีมือ

DIY ซ่อมเครื่องรถโดนน้ำท่วม..ทำเองก็ได้ถ้าแน่ใจในฝีมือ

DIY ซ่อมเครื่องรถโดนน้ำท่วม..ทำเองก็ได้ถ้าแน่ใจในฝีมือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คงจะพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า น้องน้ำได้จากเราไปกันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมหาอุทุกภัยครั้งนี้ ที่ทำให้หลายคนนั้นปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ โดยเฉพาะเรื่องรถนี่เขาคิวซ่อมกันยาวเยียดจนช่างเครื่องหลายท่าน ต่างก็มาเล่าให้เราฟังว่า บางครั้งคุณก็สามารถทำเองได้ไม่ต้องถึงมือช่าง

อันที่จริงหากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ เราได้แนะนำคุณเรื่องน้ำท่วมกันไปมากมาย ทั้งในเรื่องการดูแล ก่อนและหลัง จนกระทั่งถึงขั้นตอนสุดท้าย ที่เราให้เพื่อนๆ ส่งถึงมือช่าง แต่ในบางกรณีที่ไม่ร้ายแรงมากนัก เราเองก็พอจะสามารถซ่อมรถตัวเองได้ ให้สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างเป็นปกติสุข แถมยังลดค่าใช้จ่าย แต่ขอเตือนก่อนว่างานนี้ไม่หมูแน่นอนครับ

เตรียมเครื่องมือ

 

เอาเป็นว่าไม่ต้องไถ่ถาม แต่ก่อนที่เราจะทำอะไรก็ตามเราก็อาจจะต้องเตรียมความพร้อมเล็กน้อย โดยเฉพาะ เครื่องมือ ซึ่ง หลักๆ ก็ไม่มีอะไรมากมา นัก ขอให้เตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้

 

1.เครื่องเป่าลมแรงดันสูง / ไดร์เป่าผม (ยืมคุณแฟนมาใช้ก่อน)

2.ชุดบล็อกและ บล็อกขันหัวเทียน

3.ประแจเบอร์ 10 ,12 และ14 ม.ม.

4.น้ำมันเครื่อง 1 ลิตร เกรดธรรดาก็ได้

5.ไขควง 4 แฉกและปากแบน เผื่อได้ใช้

6.ถุงมือผ้า

7.ผ้าสะอาด

 

ได้เวลาลงมือแล้ว

 

เมื่อเตรียมเครื่องมือครบแล้วก็ได้เวลาที่เราจะลงมือซ่อม ซึ่งการซ่อมรถนั้นเราต้องทำการป้องกันตัวเองจากการบาดของสิ่งต่างๆ ด้วยถุงมือ ทำให้มือเรานั้นไม่แหก แล้วก็ค่อนลงมือทำตามขั้นตอน ที่ช่างทุกคนก็ทำเหมือนๆกับที่เรานี่แหละ เว้นในกรณีหนักข้อจริงๆ

 

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าในกรณีนี้เป็นการซ่อมเครื่องยนต์สำหรับรถที่ถูกน้ำท่วมเป็นระยะเวลาไม่นานมาก มีระดับน้ำที่ไม่สูงมากนัก เต็มที่ประมาณแค่ครึ่งประตู ซึ่งก็เป็นระดับที่หลายคนมักจะเจอๆกัน ในมหาอุทกภัยที่ผ่านมา

ขั้นแรก เปิดประตูรถและเปิดห้องเครื่อง จากนั้น ทำการจัดการเศษขยะต่างๆ ถ้ามีหลงเหลือในห้องเครื่อง ให้ทำการขจัดให้หมด พร้อมตรวจสอบระดับน้ำสูงที่สุดเพื่อประเมินความเสียหาย ก่อนที่เราจะเริ่มขั้นต่อไป

ขั้นที่ 2 ตรวจสอบการปนเปื้อนของน้ำมันเครื่อง - น้ำมันเบรค น้ำมันพวงมาลัยผ่อนแรง และน้ำมันคลัทช์สำหรับเกียร์ธรรมดาว่า มีลักษณ์เป็นโคลนหรือไม่ โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องนั้นให้ดึงไม้ซ้ำหลายๆครั้งเพื่อความมั่นใจ ถ้ามีลักษณะเป็นนมโคลน แสดงว่ามีน้ำในระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ ซึ่งเกินความสามารถเราต้องส่งมือช่าง แต่ถ้าไม่ก็เดินหน้าต่อไป

ขั้นที่ 3 หลังจากตรวจสอบแน่แล้วว่าไม่มีการปนเปื้อนในส่วนของระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ ก็ได้เวลาที่เราจะนำน้ำออกจากเครื่องยนต์ ซึ่งอาจจะมีการซึมเข้าไปในห้องเผาไหม้ และมันคือสาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติด

การนำน้ำออกจากเครื่องยนต์นั้น เราต้องหาจุดที่เข้าถึงห้องเผาไหม้ ซึ่งในเครื่องยนต์เบนซินนั้นคือหัวเทียน แต่กลับกันในเครื่องยนต์ดีเซลอาจจะยุ่งยากสักหน่อย เพราะคุณต้องถอดหัวฉีดหรือหัวเผาออกมาถึงจะเข้าถึงห้องเผาไหม้ได้ ซึ่งไม่ว่ายังไง จงใช้ความระมัดระวัง อย่าทำความเสียหาย แก่ตัวปลั๊กคอยย์และปลั๊กฟัวฉีด

ขั้นที่ 4 เมื่อสามารถเข้าถึงห้องเผาไหม้ ก็เราได้เวลาไล่น้ำออกจากห้องเผาไหม้ โดยวิธีนั้นก็ไม่ยุ่งยากมาก หลักๆคือการใช้เครื่องเป่าลมส่งอากาศลงไปไล่น้ำออกมาให้หมด ทำให้ครบทุกสูบ แต่ถ้าออกไม่หมดเสียทีเดียวก็ไม่ต้องกังวล ที่เหลือให้ความร้อนใครื่องยนต์จัดการได้ แต่เราเอา ส่วนใหญ่ออกมาเพื่อให้ลูกสูบเดินได้สะดวกขึ้น

ขั้นที่ 5 หลังจากนำน้ำออกมาเรียบร้อยก็ได้เวลาที่เรา จะจัดการเคลือบผนังกระบอกสูบ ซึ่ง เราไม่แน่ใจว่าจะมีน้ำเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด และการเคลือบผนังนั้นทำให้กระบอกสูบไม่เป็นรอยจากการเสียดสีของชุดแหวนลูกสูบ ซุ่งไม่ได้ผ่านการใช้งานมานาน ให้เติมน้ำมันเครื่อง ปริมาตรเล็กน้อยประมาณ 1/2 ฝา ต่อ 1 สูบ ลงไปในห้องเผาไหม้ จากนั้นปิดหัวฉีด/หัวเทียนกลับ เป็นอันจบพิธี

ขั้นที่ 6 เมื่อประกอบทุกสิ่งเสร็จเรียบร้อย ก็อย่าลืมเช็ค เครื่องมือ เช่นเดียวกันน้ำมันต่างๆอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ จากนั้น ต่อขั้วแบตเตอร์รี่กลับหากถอดทิ้งไว้ เพื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์

 

ในการสตาร์ทเครื่องยนต์รถที่ถูกน้ำท่วมนั้น จำไว้ว่า อย่าสตาร์ทแบบลากยาวเมื่อบิดกุญแจแล้วควรตรวจสอบไฟสตาร์ทต่างๆ โดยเฉพาะ Malfunction light ซึ่งจะเป็นไฟสีส้ม ซึ่งจะบ่งบอกความเสียหายในส่วนอื่น และเมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติดอย่าเพิ่งเร่งเครื่องยนต์ในทันที และอย่าตกใจกับควันขาวที่ออกมาจากท่อไอเสีย เพราะควันขาวนั้นเกิดจากนั้นที่อยู่ในกระบอกสูบ และน้ำมันเครื่องที่เราส่งไปเคลือบกระบอกสูบ

ที่เหลือก็แค่เดินเครื่องไว้สักพักตรวจสอบความเสียหายในส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะเบรคที่อาจจะติดได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหา ก็เคลื่อนรถไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่อู่และศูนย์บริการ เผื่อจะพบปัญหาอื่นๆ และรีบถ่ายน้ำมันต่างๆที่ถูกน้ำท่วมทิ้งทันทีที่มีโอกาส

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook