Sanook! Drive : Mitsubishi Triton Plus ..เจ้ายกสูง 178 แรงม้า ที่น่าคบหาถ้าชอบเรื่องลุย
คงไม่บ่อยนักที่เราจะลงจากรถหนึ่งคันแล้ว ถึงขั้นต้องออกปากชมกับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมที่ลงตัวกับปัจจัยอื่นๆที่สรรค์สร้างจนมาเป็นรถยนต์หนึ่งคัน แต่นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในความประทับใจที่เกิดขึ้นกับ mitsubishi Triton Plus โฉมใหม่ ที่เราได้รับเชิญจากค่ายทรีไดมอนด์ไปท้าพิสูจน์ไกลถึงเมืองน่านกันเลยทีเดียว
เวลาเช้าวันอาทิตย์อาจจะเป็นเวลาที่ใครจะคิดว่ามีคนกลุ่มหนึ่งรีบแหกขี้ตาตื่นมาทำงาน แต่นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราได้รับคำเชิญให้ท้าพิสูจน์ร่วมคาราวาน โดยเป็นนักข่าวกลุ่มแรกที่ขับรถยนต์ Mitsubishi Triton และ Pajero Sport โฉมใหม่ล่าสุดที่เพิ่งปรับหมาดในช่วงส่งท้ายปี 2011 ขึ้นไปแอ่วเมืองน่านกับที่พร้อมจัดหนักในธรรมชาติและขุนเขาที่อุดมด้วยโค้งต่างๆมากมาย
การไปแอ่วน่านครั้งนี้ เราเริ่มต้นด้วยการรับรถ Mitsubishi Triton ขับไปพร้อมคาราวาน ที่แบ่งช่วงทดสอบสมรรถนะต่างๆ ตามสมควร
ขับ 110 ก.ม./ช.ม. ถึง ชัยนาท ซดสักกี่ลิตร
โจทย์แรกในการขับรถทดสอบจากกทม.สู่แดนหนือเมืองน่าน เราเริ่มต้นด้วยคำสั่งง่ายในการขับรถยนต์ให้ประหยัดในสภาวะใช้งานจริง ที่ทำความเร็วโดยเฉลี่ยที่ 110 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง จากสำนักงานใหญ่ Mitsubishi จุดเริ่มต้นไปยังจุดนัดพบปั้ม ปตท.ที่จังหวัดชัยนาที่อยู่บนถนนสายเอเซีย แต่ให้ขับกันได้อย่างอิสระ เร่งแซงได้ตามปกติตามสถานการณ์ขับขี่จริง
เราล้อหมุนราวๆ 8 โมงเช้า เห็นจะได้ โดยในทริปนี้รับหน้าที่ขับ Mitsubishi Triton plus Double Cab ที่มาพร้อมขุมพลังแรงสุดในตลาด 2.5 ลิตร ให้กำลังสูง 178 แรงม้า ตอบสนองแรงบิด 350 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1800-3500 รอบต่อนาที โดยรถคันที่เราขับขี่ในงานนี้เป็นระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ใช้งานสะดวก ทั้งยังมีระบบ sport tronic มาให้เราเล่นกันหากต้องการเรียกสมรรถนะ
เลื่อนเกียร์ D ปล่อยเบรค เริ่มการเดินทางจากสำนักงานใหญ่ Mitsubishi มุ่งสู่ถนนใหญ่อย่างเต็มตัว โดยในรถเรามีเพียง เราและสื่อมวลชนอีกท่านหนึ่ง สัมภาระก็แค่กระเป๋าเป้ 2 ใบ วิทยุสื่อสารหนึ่งเครื่อง ถือว่าไม่มากนักสำหรับการเดินทางในวันสบายๆ
เมื่อกดคันเร่งเทอร์โบ VG ใน เครื่องยนต์ของเจ้า Triton plus นั้นปั่นกำลังเรียกแรงบิดได้อย่างสนุกสนาน เพียงไม่นานนักเราก็มาถึงความเร็วที่ต้องการก่อนที่จะผ่อนคันเร่ง และเสียงที่เร้าใจจากการลดรอบการทำงานของระบบเทอร์โบ ก็ดังขึ้น หมายถึงสิ่งที่อยู่ใต้ฝากระโปรง triton plus นั้นไม่ธรรมดาแน่นอน
การเดินทางในช่วงแรกนี้คาดว่าจะมีระยะทางราวๆ 162 กิโลเมตร โดยใช้ถนนสายเอเชียเส้นทางหลักการเดินทางสู่ภาคเหนือเป็นเส้นทางการขับขี่ สภาพการจราจรในวันนี้เดินทางนั้น รถไม่เยอะมากมายนัก แต่ก็ค่อนข้างจะขับขี่ยากพอสมควรจากสถาพถนนที่ไม่สมบูรณ์ดังเดิมนักหลังจากช่วงน้ำท่วม
ระหว่างการขับในโหมดประหยัดเราใช้ตำแหน่งเกียร์ D เท้าปัดป่ายที่คันเร่งคงความเร็วที่กำหนดให้มากที่สุด เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ดีที่สุด ก็พอจะสังเกตว่าเครื่องยนต์นั้นทำงานอยู่ที่เพียงราวๆ 2050 รอบต่อนาที ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยมาก และเมื่อใช้ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันอยู่ที่ประมาณ 1800 รอบต่อนาทีเท่านั้น
ตลอดเส้นทางนี้การขับขี่ไม่ได้เรียกสมรรถนะมาใช้ ทำให้เราอดคันไม้คันมือไม่ได้ จนบางช่วงต้องเหยียบเร่งแซง ที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. บ้า งหรือ 130 ก.ม./ช.ม. บ้าง ตามแต่โอกาส แต่ไม่ได้แช่นาน ทว่าไม่ว่าจะใช้ความเร็วเท่าใดในการเร่งแซง แรงบิด 350 นิวตันเมตร ก็ช่วยในการเรียกสมรรถนะออกมาให้มั่นใจได้เสมอต้นเสมอปลาย จวบจนถึงที่หมาย ที่ดันมากกว่าที่คิดไป 5 กิโลเมตร จบที่ 167 กิโลเมตร จากน้ำมันเต็มถึงเราเติมไป 14.66 ลิตร หรือเฉลี่ยวราวๆ 11.3 กิโลเมตร ต่อลิตรแต่ก็ต้องไม่ลืม Triton plus นั้นเป็นรถขับ 2 ยกสูง ที่มาพร้อมยางหน้ากว้าง 245/70/16
สมรรถนะแรงเกินตัวไม่บอกคิดว่ารถสปอร์ตมากกว่า
หลังจากจบในช่วงแรกเราก็ผลัดกันขับกับพี่สื่อมวลชนอีกท่านก็นับว่าเป็นความโชคดีของเรา เพราะในช่วงที่ 2 ยังขับโหมดประหยัดกันต่อไป แต่ใช้ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งก็ได้ตัวเลขประหยัดที่ไม่ต่างกันมากมายนัก นั่นอาจจะหมายถึงรถคันนี้อาจจะชอบความเร็วสูงมากกว่าหรือเปล่า
หลังเที่ยงเป็นอีกครั้งที่เรากระโดดขึ้นมากุมบังเหียนหลังพวงมาลัยม้าพยศ 178 ตัวใน triton Plus ที่ครั้งนี้เป็นการเดินทางจากพิษณุโลกสู่อุตรดิตถ์ ก่อนจะเปลี่ยนกันขับอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองแพร่ เส้นทางสายนี้นั้นเป็นการขับบนถนน 4 เลน สามารถใช้ความเร็วได้พอสมควรคงที่แถวๆ 130 -140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การเดินทางที่ความเร็วประมาณนี้ถือเป็นปกติที่คนส่วนใหญ่จะยังใช้งานขับกันอยู่เป็นประจำ ในขณะที่ความเร็วเพิ่มขึ้น เรื่องช่วงล่างก็ยังดูจะไม่มีปัญหา ไม่ออกอาการวูบวาบให้เสียวเล่น สามารถใช้ความเร็วได้อย่างมั่นใจ เช่นเดียวกับเรื่องเสียงในห้องโดยสารที่เริ่มมีเสียงลมบ้างแต่ก็ไม่มากนัก
ยางที่ใหญ่ขึ้นนับว่ามีส่วนสำคัญต่อความมั่นใจในการขับขี่ ในขณะที่เราลองเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆเพื่อหาความเร็วสูงสุดนั้น Triton plus ก็ตอบสนองได้ดี ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้อย่างไม่มีอืด แต่จะมาช้า ที่ความเร็ว 180 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ทว่าท้ายที่สุดสามารถทำความเร็วปลายสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ