Sanook! Drive : 2012 Nissan Navara Sport Version เสริมทัพด้วยออพชั่นสมรรถนะยังเยี่ยม
ตั้งแต่ออกมาทำตลาดเมื่อช่วงปี 2007 Nissan Navara จัดว่าเป็นรถกระบะที่ฉีกกฏของตลาดในเมืองไทย ด้วยความตั้งใจจริงของค่ายรถยนต์ Nissan ในการเปิดศักราชใหม่ ในกลุ่มกระบะและเข้ามาครองใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เป็นตัวชูโรงที่ทำให้ แบรนด์นี้กลับมาติดตาคนไทยอีกครั้ง
Nissan Navara ทำตลาดจวบจนทุกวันนี้ก็เข้าไปกว่า 5 ปี แล้ว ในการนำเสนอเรือนร่างของรถที่คมเข้มดุดัน แต่เมื่อคู่ต่อสู้มีการปรับทัพใหม่ โดยเฉพาะหลายค่ายแห่ Model Change แบบเทกระจาดหมด ก็ทำให้ Nissan Navara ถึงคราวที่ต้องปรับออพชั่นกับเขาบ้าง
เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา Nissan ได้ปรับทัพกระบะให้ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น ด้วยรถยนต์ Nissan Navara Grand Titanium และ Nissan Navara Sport Version Double Cab ที่เน้นการเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาให้เร้าใจมากยิ่งขึ้น ที่วันนี้เราก็ได้รับเชิญจาก Nissan ให้ไปร่วมทดสอบถึง สปป. ลาว
ภายนอกเน้นหรู ซ่อนความสปอร์ต
หลังจากบินมาชั่วโมงกว่าและพักผ่อนอย่างเต็มที่ เช้าวันรุ่งขึ้น Nissan ต้อนรับเราด้วย ทัพของ nissan Navara 2012 โดยในขบวนนั้นมีรถมากมายในเวอร์ชั่นปีล่าฟ้าใหม่ โดยในทริปนี้เราได้สัมผัส Nissan Navara Double Cab Sport Version 4X4 5A/T ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปสุดของรถรุ่นนี้สงนราคาจำหน่าย ที่ 954,500 บาท
Nissan Navara Sport Version เป็นความพยายามในการแต่งรถในรุ่น 4 ประตู double Cab ให้ดูหรูมากยิ่งขึ้น ทักทายจากกระจังหน้าที่ปรับใหม่จากลวดลายแบบตาข่ายมาสู่ กระจังแบบสปอร์ตมองดูคล้ายเก๋งเน้นขอบโครเมี่ยม ให้ความโดดเด่นสะดุดตารับเข้ากับชุดกันชนหน้าที่เปลี่ยนใหม่ให้ลงตัวในความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ถูกเติมเข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องความทันสมัยตามยุค รับฝีเท้าด้วยล้ออัลลอย ขอบ 16 นิ้วลายใหม่ เน้นเติมความสุภาพเรียบหรู ให้ประดุจดั่งเก๋ง มาพร้อมความอเนกประสงค์กับ roof Rail ให้ติดตัวมา รับน้ำหนักได้สูงสุด 200 กิโลกรัม พอจะบรรจุของหรือสัมภาระได้ตามต้องการ ท้ายสุดบอกความแตกต่างจากโลโก้ Sport Version ที่บั้นท้าย
ภายในเปลี่ยนมิติ เน้นความเร้าใจยิ่งขึ้น
ตั้งแต่ Navara ผลิตขึ้นมาจำหน่ายในไทย สิ่งที่คนสงสัยคงไม่พ้นว่า ทำไมภายในรถกระบะจึงทำเป็นสีเบจ พูดตามความจริงมันค่อนข้างจะดูแลยากกับรถขาลุยแบบนี้ แต่มันก็มีข้อดีเรื่องความอบอุ่นของห้องโดยสารและมิติที่ดูกว้าง ที่มันถูกปรับอีกครั้งในรุ่น sport Version
การนำเรือนร่างเดิมมาเปลี่ยนสีภายในใหม่ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใน Nissan Navara Double Cab Sport Version 4X4 5A/T ด้วยความต้องการในการชูความสปอร์ตของตัวรถ ให้หนักแน่นมากยิ่งขึ้นปรับห้องโดยสารให้ดูคมเข้มขึ้น ด้วยสีเทาดำให้ความทันสมัยเข้ากับตัวรถ ที่มันทำให้ห้องโดยสารดูเข้าท่ามากยิ่งขึ้นและยังแปลกตาไปจากเดิม มาพร้อมเบาะนั่งหนังปรับสูง-ต่ำได้ พร้อมชุดพวงมาลัยมัลติฟังชั่น เพิ่มปุ่มควบคุมวิทยุช่วยให้เครื่องเสียงจัดการง่าย ส่วนด้านขวา เป็นระบบ Cruise Control ไว้ตอบโจทย์ความสบายในยามเดินทางไกล
สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในห้องโดยสารนั้น เห็นทีจะไม่พ้น ระบบความบันเทิงที่ nissan จัดหนักด้วย เครื่องเสียง Kenwood พร้อมรองรับการเชื่อมต่อทั้ง USB-Ipod และระบบ Bluetooth ในขณะที่เรื่องตัวช่วยการขับขี่มีกระจกมองหลังตัดแสง และถ้าถอยจอดก็มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยกล้องมองหลัง
ได้เวลาลองสมรรถนะ ตะลุยเส้นทางเมืองลาว
ถ้ากล่าวโดยสรุปแล้ว Nissan Navara Sport Version เป็นรถที่เกิดขึ้นมาเอาใจคอสปอร์ตขนานแท้ โดยในการทดสอบครั้งนี้ทางทีมงาน sanook! Auto เป็นผู้รับไม้ขับที่ 2 จากเพื่อนสื่อมวลชนจากเว็บ Motor Trivia.com ที่เราตกลงกันว่าขอซัดมันคนละวันจะได้พูดถึงกันอย่างชัดๆ และในวันที่ 2 ของประเทศลาวนี้ เราก็เริ่มต้นการเดินทางด้วยการขับขี่แบบในเมือง
ต้องบอกก่อนว่าเป็นการทดสอบแบบการขับคาราวาน ทำให้การทดสอบบางจุดอาจจะยังทำได้ไม่ชัดเจนนัก แต่การขับรถในเมืองลาวที่แตกต่างจากบ้านเรา นี่ก็ทำเหวอ แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการทดสอบ
การเดินทางทริปนี้ เรามีผู้โดยสารทั้งหมด 3 คน รวม คนขับ โดยตัวแถมเป็นผู้สื่อข่าวสาวสวยฝีปากกล้าจากนิตยสาร "รถวันนี้" ซึ่งน้ำหนักสัมภาระและผู้โดยสาร ก็คาดว่าจะราวๆ 250 กิโลกรัม จากสภาวะที่อ้วนขึ้นกระทันหันจากอาหารเช้าเมืองลาว สุดอร่อย และเป้แพ๊คเสื้อผ้ามากัน คนละ 3 วัน
ตัวรถเปล่าที่หนักกว่า 1,850 ก.ก ตามสเป็คของ Nissan Navara sport version ที่เราขับรุ่นท๊อปสุดของค่าย 174 แรงม้า จากเครื่อง 2.5 ลิตร มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และยังเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เมื่อรวมกับ น้ำหนักประมาณแล้ว Nissan Navara Sport Version คันนี้ จะต้องแบกน้ำหนักกว่า 2100 ก.ก. เลยทีเดียว
อัลบั้มภาพ 25 ภาพ