Sanook! Go For Green : มาเลเซียเฮ Prius C ลงตลาด เคาะราคา 79,000 ริงกิต

ยังไม่มาไทยเสียทีกับรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ของค่ายสามห่วงที่แม้บ้านเราจะยังมึนๆว่า ตกลง Toyota จะเอายังไงดี แต่ล่าสุดที่มาเลเซีย Prius C ก็กระโจนไปเปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ

Toyota Prius C เพิ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ตลาดมาเลเซีย โดยเริ่มต้นราคาวางจำหน่ายที่ 79,000 ริงกิตหรือคิดเป็นเงินไทย 790,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการคาดการณ์จากผู้แทนจำหน่ายในมาเลเซียว่ามันจะมีราคาราวๆ 104,000 ริงกิต

toyota Prius C Malaysia Version

Toyota Prius C Malaysia Version เริ่มต้นด้วยการแนะนำเรือนร่างที่เล็กลงในรถยนต์กลุ่มไฮบริดมาพร้อมหน้าตาที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ดูโฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นพี่พกล้ออัลลอยขอบ 15 นิ้ว รัดด้วยยาง 185/60/R15 เป็นมาตรฐาน ให้ฐานล้อยาว 2550 มม. ตอบสนองการขับขี่ มาพร้อมการเน้นหนักเรื่องความเพรียวลมด้วยหลากเทคนิคโดย Toyota ที่นำเสนอเข้ามาในรถรุ่นใหม่ เช่น Aero Corner รถแรงปะทะลมที่มุมกัน ชนและยังให้ความสำคัญต่อใต้ท้องรถอีกด้วย

ในห้องโดยสาร Toyota Prius C ให้ความเรียบง่ายของห้องโดยสาร โดยตัดเรื่องของคอนโซลกลางออกไป แต่ที่ด้านหน้าตรงกลางมีจอแสดงผลขนาด 3.5 นิ้ว พร้อมมาตรวัดความประหยัดและลักษณะการขับขี่ในการใช้พลังงานที่เรียกว่า Eco Score โดยทำงานร่วมกับปุ่มที่พวงมาลัย ที่เรียกว่า touch Tracer และหากยอมจากเพิ่มอีก 2,990 ริงกิต ก็จะมาพร้อมเครื่องเล่น DVD พร้อมจอขนาด 6.1 นิ้ว

toyota Prius C Malaysia Version

ใต้ฝากระโปรง Prius C ใ นมาเลเซียมาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.5 ลิตร ในเครื่องยนต์รหัส 1NZ-FXE มาพร้อมอัตรากำลังอัด 13.4 :1 ให้กำลังสูงสุด 73 แรงม้า รีดแรงบิด 111 นิวตันเมตร ควบระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 29 แรงม้า พกแรงบิด 169 นิวตันเมตร แต่ในการใช้งานจริง เมื่อเครื่องยนต์ผนวกกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลัง 100 แรงม้า โดยตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,140 กิโลเกรัม จากอานิสงค์ของการเปลี่ยนpower control unit (inverter) ที่ทำให้เบาขึ้น 42 กิโลกรัม

ด้านสมรรรถนะการขับขี่ Toyota Prius C มาพร้อม ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ขับผ่านเกียร์ CVT มีให้เลือกขับขี่ 3 โหมด คือ Normal, ECO และ EV โดยในโหมดไฟฟ้าล้วนสามารถขับได้ไกล 45 กิโลเมตร และทำอัตราประหยัดจากการทดสอบในยุโรปได้ 25.6 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมอัตราเร่งที่น่าประทับใจ 0-100 ใน 10.7 วินาที

Toyota Prius C อาจจะยังไม่มาไทย แต่ในมุมหนึ่งเราก็หวังว่ากระแสไฮบริดที่ดี มันคงจะเข้ามาบ้านเราในเร็วๆนี้ ส่วนจะเป็นเมื่อไรคงตั้องติดตาม แต่ตอนนี้ขอบอกว่าอิจฉาเพื่อบ้านเราจริงๆ