Sanook! Drive .. มินิเทส Hyundai Elantra ความประทับใจในซีดานสุดสปอร์ต

                ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อนๆ คงได้ทราบข่าวเกี่ยวกับการมาถึงของรถยนต์คอมแพ็คคาร์รุ่นใหม่ของค่ายเกาหลีที่เราไปงานเปิดตัวกันมา และในงานนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่เปิดตัวเท่านั้น แต่เรายังได้สัมผัสจัดหนักๆ กันแบบเต็มๆ

                หลังเปิดตัวกันเป็นทางการค่ายรถยนต์  Hyundai ก็ลากเราขึ้นรถยนต์ Hyundai H1 เดินทางดิ่งในความหรูหราสู่สนาม Motorsport  land  อดีตแดนเนรมิตที่วันนี้ถูกแปลงเป็นสนามทดสอบเล็กๆ ให้วิ่งวนกันอย่างสนุกสนาน

Hyundai Elantra

                การต้อนรับด้วย  Hyundai Elantra ใหม่ ทำให้รู้ว่านี่คือการทดสอบเล็กของรถยนต์คอมแพ็คคาร์น้องใหม่ ที่ค่ายรถยนต์  Hyundai มั่นใจว่าเข้าตากรรมการ โดยเปิดราคาเริ่มต้นที่ 899,000 บาท  ในรุ่นเกียร์ธรรมดา แล้วไล่เรียงไปเรื่อยๆ จนจบราคา 1,198,000 บาท ในรุ่นท๊อป       ราคาที่ถือว่าไม่เบาทำให้เราต้องมาลองท้าพิสูจน์ เจ้าคอมแพ็คคาร์สัญชาติเกาหลีดูว่า มันจะมีดีสักแค่ไหน แม้อาจจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทำให้เราได้พบปะเจ้าคอมแพ็คคาร์น้องใหม่ของค่ายรถยนต์เจ้านี้แต่ก็มีหลายสิ่งที่พอจะบอกได้ในอนาคต

 

เรือนร่างงดงามเส้นสายใหม่ที่น่ามอง

 

                ตั้งแต่ที่เราไปงานเปิดตัวมาช่วงเช้าอาจจะกล่าวได้ว่านี่คือรถยนต์ที่งดงามที่สุดในกลุ่มรถยนต์ซีดานที่มาพร้อมกับการนำเสนอเส้นสายของ Hyundai ที่มุ่งเน้นการตอบโจทย์ทันสมัยของค่ายรถยนต์เจ้านี้ ความโค้งเว้าดูโฉบเฉี่ยวสปอร์ต ทันสมัย ลงตัวแถมยังดูดี ทุกมุมมอง ตั้งด้านหน้าคมเข้มสปอร์ตเล็กๆ ต่อเนื่องจรดบั้นท้ายที่ให้ความลงตัว แตกต่างไม่เหมือนใคร มองเพลินๆดูเหมือนจะพริ้วไหวได้เองแม้ยามจอดหยุดนิ่ง

Hyundai Elantra

                ความงามที่ลงตัว มากับมนต์เสน่ห์ที่เร้าใจ ด้วยการให้อารมณ์สปอร์ตมีเสน่ห์ ทำให้ใครหลายคนะออกปากชมได้ว่ามันงดงามมาก โดยเฉพาะบุคคลิกรถอนาคตที่ยังมาพร้อมไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างแบบ LED ก็เหมือนจะตอบโจทย์ทุกอย่างได้ลงตัว โดยในรุ่นเกียร์อัตโนมัติยังหล่อเสร็จสรรพกับล้ออัลลอยขิง 17 นิ้ว

 

สปอร์ตทันสมัยลุคนี้ที่แตกต่างในห้องโดยสาร

 

                ชมภายนอกหารกันอย่างจุใจ ก็ได้เวลาที่เราจะก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร  Hyundai Elantra ใหม่มาพร้อมกับการออกแบบที่จับบุคคลิกของรถมาสู่ภายใน ตั้งต้นให้ความทันสมัยที่ลงตัวทันทีที่หย่อนตัวลงบนเบาะกับ การออกแบบในสไตล์  Y-Shape  ดูทันสมัยแปลกตามาก เมื่อเทียบกับรถยนต์อีกมากมายหลายรุ่นจทกกลุ่มเดียวกันที่จำหน่ายในปัจจุบัน

Hyundai Elantra

 Hyundai Elantra 

                ห้องโดยสารถูกออกแบบตบแต่งด้วยสีโทนเทาดำที่ให้ความขลังในแบบสปอร์ตเน้นเข้มเต็มอารมณ์แม้แต่เบาะนั่งที่จัดผ้าลายสปอร์ตมาให้ แถมตัวเบาะเองก็ยังโอบกระชับแบบสปอร์ตแต่นั่งสบาย ซึ่งในรุ่นท๊อปของ Hyundai Elantra ใหม่ยังให้เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางมาพร้อมกันด้วย เช่นเดียวกับการปรับพวงมาลัยที่ทำได้ทั้งสูง-ต่ำและเลื่อนเข้าออกได้  แป้นเหยียบสปอร์ต และพวงมาลัยแบบมัลติฟังชั่น ที่ตอบโจทย์การใช้การ แถมท้ายด้วยการตบแต่งสีโครมทำให้มีเสน่ห์ที่ลงตัวยิ่งขึ้น

 

ได้เวลาล้อหมุ่น จัดเต็ม 3 รอบในรุ่นท๊อป

 

                "ได้เวลาแล้ว" เสียงครูฝึกบอกเราเพื่อให้เตรียมเคลื่อนรถสู่ลานประลอง ความจริงแล้วน่าจะเรียกว่า "นาวิเกเตอร์"มากกว่า ด้วยความที่เหมือนเป็นเพื่อนร่วมทางในการทดสอบ โดยระหว่างการทดสอบครั้งนี้เรามี ตัวผู้ทดสอบ ครูฝึก และน้องช่างภาพที่ขอโดดขึ้นมาเก็บบรรยากาศ

                เมื่อออกจาก  Pit Lane  เราได้สัญญาณจัดเต็ม โดยการทดสอบเป็นการขับในลู่จำนวน 3 รอบ โดยส่วนใหญ่จะเน้นที่โค้งสั้นและโค้งยาว ทางตรงเล็กๆ พอให้ได้เหยียบ โดยพาหนะครั้งแรกของเราคือ  Hyundai Elantra 1.8 Gซึ่งเป็นรถรุ่นท๊อป 

                เราวนรอบแรกด้วยการจับความรู้สึกของรถที่ไม่ได้เน้นหนักอะไรมากมายนักเพื่อดูการตอบสนองรวมถึงสร้างความคุ้นเคยกับสนามทดสอบจวบจนรอบที่ 2 เราก็เริ่มเติมคันเร่งทันทีที่เข้าสู่ทางตรง ก่อนที่จะเจอโค้งขวายาว ตามด้วยโค้ง S  ซึ่ง Hyundai Elantra ให้การตอบสนองที่ดี รถมีการทรงตัวที่มั่นใจได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า มันให้การควบคุมการเข้าโค้งได้ด้วยการอาศัยระบบควบคุมความสเถียรแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ESP ที่ทำงานคู่กับระบบจัดการความสเถียร VSM  ทำงานสอดรับกันได้ดีจนน่าประทับใจ

                ใต้ฝากระโปรงเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง Nu Engine ให้การตอบสนองการขับขี่อย่างลงตัวด้วยกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุดได้มากถึง 178 นิวตันเมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที โดยในรุ่น 1.8 G ตอบสนองผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด  ให้อัตราเร่งดีเกินคาดกว่าที่คิด ยิ่งเมื่อคุณกดลงไปหนักๆ  รถคันนี้ก็ให้อารมณ์การขับขี่ได้เทียบเท่าน้องๆรถสปอร์ต ส่วนหนึ่งมาจากพิกัดที่เบาเพียง 1,230 กิโลกรัม ทำให้ในการทดสอบนี้เพียงเร่งเบา รถก็ไปแรงเกินคาดให้ระทึกพอตัว

 

ลองบ้างในเกียร์ธรรมดา สมรรถนะที่ดียังได้อยู่

 

                หลายคนที่ซื้อรถยนต์ราคาระดับเฉียด 6 หลัก มักจะมีแนวคิดมองว่า "เกียร์ธรรมดา" เป็นอะไรที่เก่าล้าสมัย แต่ความจริงนี่คือการให้สมรรถนะที่เปี่ยมด้วยพลัง และหลังจากเราลงจาก Hyundai Elantra 1.8 G เราก็ไปต่อกันในรุ่น 1.8 E ที่ตอนนี้ขายในราคา 899,000 บาท กัน

                เรือนร่างที่เหมือนกันภายนอกเช่นเดียวกับภายในห้องโดยสาร ทำให้เรามองว่านี่เปรียบเหมือนรถทางเลือกไม่ใช่รุ่นโลว์ของ Hyundai Elantra แต่เอาจริงที่ได้กางโบว์ชัวร์ดูหลังขับขี่กลับพบว่า นี่คือรถที่ขาดหลายสิ่งหลายอย่าง หมือนมีแค่เครื่องและเรือนร่างที่ดูคล้ายกัน มาให้เท่านั้น

                "ใส่เกียร์ 2 จัดหนัก ขับสนุกแน่"  เสียงจากครูฝึกที่นั่งยิ้มในรถต้อนรับเรา ทำให้เราต้องขอลองท้า โดยครั้งนี้จะได้ขับกัน 3 รอบเต็มไม่ต้องวอร์ม เพราะเริ่มชินสนามมากขึ้น

Hyundai Elantra

เมื่อพร้อมเราก็จัดการทันที ข้อแตกต่างของรถรุ่นเกียร์ธรรมดากับรุ่นท๊อปสุดนั้นคือน้ำหนักที่หายไป 30 ก.ก. จากการลดอุปกรณ์หลายๆอย่าง เช่น ระบบเกียร์ที่เปลี่ยนมาสับมือแต่ยัง 6 สปีด เหมือนเดิม การไร้ซึ่งระบบควบคุมการทรงตัวที่ต้องใช้ฝีมือกันล้วนๆ ขาดถุงลมนิรภัยฝั่งคนนั่ง และยังมีการปรับลดขนาดล้อจาก 17 นิ้ว มาเหลือพียง 15 นิ้ว ใช้ยาง 195/65/R 15

                เมื่อเดินคันเร่งแบบเต็มพิกัดสิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนเป็นเรื่องของสมรรถนะของรถที่ดีกว่ ในรุ่นท๊อปพอตัว ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหนักที่เบาลงอย่างที่เราได้บอกไปแล้ว ทำให้อารมณ์ขับขี่มีความคล้ายกับซิตี้คาร์บางรุ่นเพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่า

Hyundai Elantra

                เราผ่านโค้งแรกด้วยความรวดเร็ว การไร้ระบบควบคุมความสเถียรทำให้รถคันนี้ออกอาการบ้าง ในเรื่องสมดุลที่จะหนักไปในทางหน้าดื้อหรือ understeer จากน้ำหนักที่ลดลงแต่ก็ยังให้ความลงตัวต่อการขับขี่ได้ ถ้าคุณไม่จัดหนักมากในการเข้าโค้ง ซึ่งหนึ่งในหลายๆ โค้งที่เราได้ทดสอบพบว่า Hyundai Elantra จะไม่ค่อยถูกกับโค้งความเร็วสูงยาวๆ แต่การไร้ซึ่งระบบควบคุมการทรงตัวเข้ามาวุ่นวายก็ให้ความสนุกในการขับขี่ไม่น้อย ยิ่งใครชอบความสปอร์ตรียกว่าจะรักรถคันนี้เลยจริงๆ  

                ปิดจ๊อบลงจากรถ เรายิ้มในใจด้วยความรู้สึกที่เริ่มเข้าใจในการตั้งราคาของ Hyundai  ที่ 200 คันแรกจะเริ่มที่  899,000 บาท และท๊อปสุดขายอยู่ที่ 1,198,000 บาท ซึ่งนี่คือรถคอมแพ็คคาร์ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะการขับขี่ ที่ลงตัวกับเสน่ห์ความทันสมัยและการออกแบบ แต่คำถามคือจะมีคนไทยสักกี่คน ที่จะยอมจ่าย เพื่อซื้อรถในราคาระดับนี้ เว้นแต่ว่ารักกันจริงๆ ...เท่านั้นล่ะ คำถามนี้น่าคิด

**หมายเหตุการทดสอบครั้งนี้ทำในสนามปิด ทางผู้เขียน-ทดสอบ จึงไม่ได้ให้คะแนนของรถยนต์คันนี้

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง