Sanook! Go For Green : กระแสไฮบริดมาแรงแต่ "รถไฟฟ้า" อาการน่าเป็นห่วง

Sanook! Go For Green : กระแสไฮบริดมาแรงแต่ "รถไฟฟ้า" อาการน่าเป็นห่วง

Sanook! Go For Green : กระแสไฮบริดมาแรงแต่ "รถไฟฟ้า" อาการน่าเป็นห่วง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าราคาน้ำมันปัจจุบันต่างมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมีเทคโนโลยีใหม่มากมายออกมาแนะนำทั้งในต่างประเทศและบ้านเรา ที่หนึ่งคือรถยนต์ไฮบริด ที่ใช้การขับเคลื่อนผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์และไฟฟ้า และแม้จะอีกนาน แต่รถไฟฟ้าก็มาเห็นรำไรๆ แล้ว 

บ้านเรากับกระแสรถยนต์ยุคใหม่อาจจะยังถูกสกัดดาวรุ่งจากความไม่เข้าใจ แต่เมื่อเร็วๆนี้มีการวิจัยที่ชี้ชัดว่า กระแสรถยนต์โลกกำลังให้ความสนใจต่อรถยนต์ไฮบริดมากขึ้น จากรายงานวิจัยของ Polk ในประเทศอเมริกา ที่กล่าวถึงการเติบโตรถยนต์ไฮบริดในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีรถให้เลือกมากกว่า 2 เท่าจากเดิม

ไม่เพียงแค่จำนวนรถยนต์ที่มากขึ้น แต่ดูเหมือนรถยนต์ไฮบริดจะยังให้ผลดีต่อในแง่ความภักดีต่อแบรนด์ ด้วยโดยจากการวิจัยดังกล่าวมีการสำรวจตลาด 2 แบรนด์ ผู้นำไฮบริด Toyota และ Honda พบว่ ผู้ใช้รถยนต์ Toyota ไฮบริด มีความคิดที่จะกลับไปใช้รถยนต์จากค่าย Toyota ถึง 60% และมีแนวโน้ม ที่จะซื้อรถไฮบริดจาดแบรนด์ไหนก็ได้อีกครั้งถึง 40% ในขณะที่ Honda มีความภักดีของผู้ใช้ไฮบริด 52 % และมีแนวคิดที่จะซื้อรถไฮบริดอีกครั้งเพียง 20%

นาย แบรด สมิท ผู้อำนวยการของ Polk's Loyalty Management Practice กล่าวว่า การมีโปรดักส์ไฮบริดในไลน์สินค้าช่วยให้ตราสินค้าสามารถแข่งขันได้และยังดึงดูดลูกค้า กลุ่มใหม่ ในขณะที่ตัวเลขของผู้ใช้ไฮบริดในการกลับมาซื้อรถไฮบริดอีกครั้งมองว่า กลุ่มลูกค้ายังมองหาทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถลดรายจ่ายได้ หาก น้ำมันแพง

อย่างไรก็ดี แม้คนปัจจุบัน จะเห็นว่ารถไม่สำคัญ แต่ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่ากลุ่มคนยุคใหม่ หรือที่เรียกว่า "Gen Y" มีความต้องการรถไฮบริดเพิ่มขึ้น โดยจากการวิจัยสำรวจ ของ Deloitte consulting company ได้ทำการสำรวจกลุ่มลูกค้าที่มีอายุระหว่าง 19 -31 ปี พบว่ากว่า 59 % ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีความต้องรถยนต์ไฮบริด รองลงมาเป็นรถยนต์ใช้น้ำมันทั่วไป คิดเป็น 37 % และท้ายที่สุดรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 2%

นาย เอริช เจ เมอเคิล เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์ตลาดรถยนต์อเมริกา Ford Motor Companyเปิดเผยว่า Gen Y มองหาราคาความคุ้มค่าในความเป็นเจ้าของมากขึ้น พวกเขาอาจจะชอบโทรศัพท์มือถือ สินค้า ไฮเทค และเมื่อเป็นเรื่องของรถ มันยังต้องทันสมัย และสามารถใช้ได้กับสิ่งที่พวกเขานำติดตัวไปทุกวัน โดยในจำนวนผู้ตอบส่วนใหญ่มีความต้องการจอดสัมผัสในรถด้วย

แม้รถไฮบริดจะมีการตอบรับที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่กับรถไฟฟ้า มันกำลังเป็นหนังคนละม้วนกัน เมื่อสำนักข่าว Bloomberg รายงานถึง ชื่อเสียงของรถไฟฟ้าที่กำลังถูกกัดร่อนอย่างรุนแรงในประเทศญี่ปุ่น หลังเตาปฏิกรณ์โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกูซิมะ ไดอิชิ หลอมละลายเมื่อปีที่แล้ว จากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่ถล่มญี่ปุ่น

รายงานดังกล่าวมีความสอดคล้องต่อยอดจำหน่ายรถยนต์ Nissan Leaf ในญี่ปุ่นที่ขายได้เพียง 12,000 เท่านั้นหลังจากเริ่มเปิดตัวเมื่อปี 2010 จากเป้าหมายของบริษัท Nissan ที่คาดการณ์ว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า จะขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกว่า 1.5 ล้านคัน

อย่างไรก็ดี BloomBerg อ้างว่าการซ่อมแซมโรงไฟฟ้าอาจจะนำมาซึ่งราคาค่าไฟที่แพงขึ้น แต่ในยุคนี้ที่น้ำมันแพง การชาร์จไฟฟ้าให้กับรถยังมีค่าเฉลี่ยถูกกว่าการเติมน้ำมันเต็มถังเสียด้วยซ้ำ

แม้รถไฮบริดและรถไฟ้าอาจจะยังเป็นเรื่องที่ไกลตัวเราหลายๆ คน แต่ด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีหนทางรังแต่จะพุ่งขึ้น บางทีในอนาคตวันหน้าทั้งรถไฮบริดและนถไฟฟ้าอาจคือทางออกของการเดินทาง

 

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ Sanook! Go For Green : กระแสไฮบริดมาแรงแต่ "รถไฟฟ้า" อาการน่าเป็นห่วง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook