ไม่รอนานอีกต่อไป ฟอร์ดและมาสด้า เทงบ 837 ล้านบาทเร่งกำลังการผลิตรถกระบะ
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น ประกาศวันนี้ว่าบริษัทได้ลงทุนเพิ่ม 27 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 837 ล้านบาท) ในโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับสายการผลิตรถกระบะขึ้นอีกขั้นและเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20,000 คันต่อปี
ปัจจุบัน เอเอทีผลิตรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ และมาสด้า บีที-50 ใหม่ เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและเพื่อส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก ซึ่งการลงทุนครั้งใหม่นี้ครอบคลุมการยกระดับโรงงานด้านต่างๆ อาทิ การเพิ่มจำนวนหุ่นยนต์และเครื่องมือต่างๆ เพื่อเพิ่มความเร็วและจำนวนรถที่ผลิตได้ โดยบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตจากการลงทุนครั้งใหม่นี้ได้ ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป
การเพิ่มศักยภาพในการผลิตรถอีก 20,000 คันต่อเดือนจะทำให้สายการผลิตรถกระบะของเอเอทีมีกำลังการผลิตรวม 195,000 คัน และทำให้โรงงานเอเอทีมีศักยภาพในการผลิตรถได้ทั้งสิ้น 295,000 คันต่อปี ซึ่งรวมถึงการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วย
นาย ปีเตอร์ ฟลีท ประธานฟอร์ด อาเซียน เปิดเผยว่า "การลงทุนครั้งใหม่นี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวที่ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี มีต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกของบริษัท ทั้งยังทำให้เราตอบสนองต่อความต้องการฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ที่มีอยู่อย่างล้นหลามได้"
ในขณะที่ นาย ยูจิ มากามิเน่ ผู้อำนวยการบริหารอาวุโส มาสด้า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น กล่าวว่า "การลงทุนเพิ่มในครั้งนี้คือส่วนหนึ่งของการเป็นพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจระหว่างฟอร์ดและมาสด้า นอกจากนี้ การลงทุนดังกล่าวยังช่วยให้เราตอบสนองต่อความต้องการอย่างแข็งแกร่งที่มีต่อรถกระบะ บีที-50 ใหม่ ได้อย่างต่อเนื่อง"
สำหรับ การลงทุนครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้ฟอร์ดและมาสด้ามีการลงทุนร่วมกันในเอเอทีเป็นมูลค่าเกือบ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6.2 หมื่นล้านบาท) นับตั้งแต่เริ่มดำเนินงานครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2538 โดยปีที่แล้ว ฟอร์ดและมาสด้าได้ร่วมกันลงทุนมูลค่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.08 หมื่นล้านบาท) เพื่อยกระดับสายการผลิตและจัดหาอุปกรณ์เพื่อการผลิตรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ และมาสด้า บีที-50 ใหม่ ซึ่งนอกจาก การผลิตรถกระบ50 โรงงานเอเอทียังผลิตรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ฟอร์ด เฟียสต้า มาสด้า2 และมาสด้า 3 อีกด้วย