เปิดโผรถหายรอบปี สุดอึ้ง วีออส-วีโก้ ครองแชมป์
ใครที่เป็นเจ้าของรถคงไม่ชอบใจเท่าไร ที่จะมาเจอรถตัวเองที่จอดไว้ตอนไปทำกิจต่างๆกลับไม่อยู่ที่ๆมันควรอยู่ หรือจะว่าง่ายๆ "รถหาย" คงเป็นสิ่งที่ช้ำใจคนที่มีรถ เพราะแม้ประกันจะรับผิดชอบ แต่กว่าจะเคลียร์เรื่องได้ก็ใช้เวลานานโขเลยทีเดียว
สิ่งที่หลายคนอยากรูคงไม่พ้นรถยี่ห้ออะไรหายบ่อยที่สุด และล่าสุด พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น.(กองบัญชาการตำรวจนครบาล) หัวหน้า ศปจร.น. (ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล) ได้เผยถึงรถยนต์ที่มีสถิติหายมากที่สุด ในรอบปีที่น่าสนใจ
จากสถิติที่ทาง ศปจร.น. ได้ทำการบันทึกเอาไว้ พบว่า ในจำนวนรถยนต์ที่หายทั้งหมด ตั้งแต่ ต.ค.2553 ถึง ก.ย. 2554 (เฉพาะใน กทม.) พบว่า รถถูกโจรกรรมทั้งหมด 502 คัน โดย อันดับ 1 ที่ได้รับความนิยมจากโจรมากที่สุดคือ Toyota ถูกโจรกรรมไปกว่า 156 คัน (31.08%) รองลงมาเป็น Isuzu 150 คัน (29.9%) ตามด้วย Nissan 53 คัน คิดเป็น 10.6% ,Mitsubishi 41 คัน คิดเป็น 8.2 % และ Honda 39 คัน คิดเป็น 7.8 % ที่เหลือรถอื่นๆ อีก 63 คัน
เมื่อแบ่งแยกตามประเภทรถยนต์ จากข้อมูลพบว่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7ที่นั่ง ที่หายมากที่สุดคือ Toyota Vios และ Toyota Yaris ในขณะที่ กลุ่มกระบะถูกใจโจรนิยมคือ Toyota Vigo ,Isuzu Dmax และ Nissan Frontier รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่เมื่อมาดูสถิติ ต.ค.54-ก.พ. 55 พบว่า มีรถหายไปแล้วทั้งสิ้น 134คัน ครองแชมป์ Isuzu D-Max 50 คัน ตามด้วย Vigo 34 คัน
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าแปลกใจคือคดีรถหายมักจะเกิดขึ้นในถนน-ตรอก-ซอย ส่วนรองลงมาเป็นสวนสาธารณะและชุมชน นอกจากนี้ยังมี เคหสถาน ,ห้างสรรพสินค้า และ แม้กระทั่งอู่ซ่อมรถก็ยังไม่วายจะโดนด้วยที่มีจำนวนถึง 15 คดี
สำหรับในส่วนรถจักรยานยนต์ในรอบปีที่ผ่านมามีคดีเกิดขึ้นกว่า 3,509 คัน โดย ยี่ห้อที่ถูกโจรกรรมมากที่สุด ได้แก่ ฮอนด้า 2,021 คัน คิดเป็น 57.6 % โดยเฉพาะรุ่นเวฟ หายมากที่สุด รองลงมา เป็นยี่ห้อยามาฮ่า 1,261คัน คิดเป็น 35.9% โดยเฉพาะ ฟีโน่ และยี่ห้อคาวาซากิ 71 คัน คิดเป็น 2 % โดยเฉพาะรุ่น เคเอสอาร์
เช่นเดียวกับรถยนต์ สถานที่หายมากที่สุดยังคงเป็น ถนน-ตรอก-ซอย ส่วนรองลงมาเป็นสวนสาธารณะและชุมชน แต่ช่วงเวลาที่หายบ่อยสุดคือช่วง 19.00-21.00 น. รองลงมาคือช่วง 20.01-24.00 น. ทว่าจากสถิตช่วง ต.ค.54-ก.พ. 55 พบว่า รถจักรยานยนต์มักหายช่วง 12.01-18.00 น. มากถึง 495 คดี โดยรุ่นยอดนิยมยังเหมือนเดิม
ไม่ว่ายังไงก็ตามการป้องโจรกรรมรถยนต์ล้วนเป็นหน้าที่เจ้าของรถควรพึงระลึกไว้เสมอ ก่อนจากรถของคุณไป เพราะแม้รถยนต์ที่คุณใช้อาจจะเป็นที่หมายตาโจร แต่ถ้าคุณไม่จอดในจุดเสี่ยงมันก็จะช่วยป้องกันได้