7เทคโนโลยีประหยัดชั้นนำ ที่มันมาแล้วในรถใหม่ใกล้คุณ
ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีราคาสุงขึ้นตามลำดับแล้ว เราคงต้องยอมรับว่า เจ้ารถเหล่านี้ ไม่ได้มีดีแค่เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้มันดูก้าวกล้ำ แต่เมื่อเทียบรถที่มีขนาดเดียวกันกับยุคก่อน มันยังประหยัดขึ้นมาก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มตัวเลขต่อไปเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองยุคน้ำมันแพง
แม้บ้านเราจะยังไม่ค่อยได้พบเทคโนโลยีเหล่านี้มากมายนัก ส่วนหนึ่งคงต้องยอมรับว่า ต้องให้รัฐเป็นผู้นำในการเปิดช่องทางสู่ตลาดประหยัดมากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะคุณน่าจะรู้ไว้ว่า รถยนต์ทุกวันนี้ มีอะไรมากกว่าแค่ 4 ล้อและพวงมาลัย บวกคันเร่งและเบรค แต่มันยังมีเหล่าเทคโนโลยียอดประชั้นนำด้วย
1.หลักอากาศพลศาสตร์ อาจจะเป็นที่ได้ยินมานานมากแล้ว แต่เราคงไม่คิดว่านี่คือเทคโนโลยีประหยัดของรถวันนี้ ซึ่งเป็นการเน้นในเส้นสายการออกแบบให้ลู่ลม โดยลดค่าสัมประสิทธิ์เสียดทานอากาศให้น้อยลง ส่งผลให้มีความลู่ลมมากยิ่งขึ้น ยิ่งค่านี้น้อยเท่าไร ก็ทำให้ลดการให้น้ำมันในการขับเคลื่อนไปข้างหน้ามากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะในย่านความเร็วสูง อย่างเช่น Mitsubishi Mirage ที่ค่าสัมประสิทธิเสียดทานอากาศ หรือ Cd เพียง 0.29 ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะประหยัดน้ำมันมากกว่า
2.ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ ระบบที่มีชื่อเสียงเรียงนามต่างกัน ตามแต่ที่ค่ายรถยนต์จะเรียก แต่มันมีแนวทางเดียวกัน คือลดการใช้งานเครื่องยนต์เมื่อไม่ได้ขับเคลื่อน ปัจจุบันในไทยก็มีเข้ามาแล้วใน Nissan Almera ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนหัวบันไดไม่แห้ง โดยการทำงานของระบบนี้ใช้วิธีการสั่งเครื่องยนต์หยุดทำงานชั่วคราว โดยสัมพันธ์กับระบบส่งกำลัง ระบบไฟฟ้า และ ระบบปรับสภาพอากาศในห้องโดยสารเพื่อความเหมาะสม และเมื่อปล่อยเบรคเครื่องยนต์ก็พร้อมทำงานอีกครั้ง
3.ยางลดแรงต้าน อาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูนัก แต่ถ้าเราพูดว่า Low Rolling Resistant Tire หลายคนคงจะถึงบางอ้อในฉับพลันกับยางที่ช่วยในการประหยัดน้ำมันได้เป็นเลิศ "ยางลดแรงต้าน" มีมาได้สักพักหนึ่งแล้ว โดยยางประเภทนี้เริ่มคิดค้นมาตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งจากข้อมูลของ California Energy Commission (CEC) เผยว่า ยางประหยัดน้ำมันเหล่านี้ช่วยคุณประหยัดได้ถึง 1.5-4.5% ของการบริโภคน้ำมันเมื่อเทียบกับรถที่ไม่ได้ใส่ยางแบบเดียวกันนี้ โดยในบ้านเราก็มียางแบบนี้หลายยี่ห้อ เช่น Bridgestone Ecopia และ Michealin Energy XM2 เป็นต้น
4.ปุ่ม และไฟ Eco ... คงไม่ต้องบอกว่าเจ้าไหนเป็นต้นคิดในเรื่องนี้ เพราะคงทราบกันดีอยู่แล้ว โดยหลักการทำงานก็ไม่ยากเพราเมื่อกดปุ่มระบบก็จะเข้ามาควบคมุการสั่งจ่ายน้ำมันและลิ้นปีผีเสื้อ โดย นาย คริส มาร์ติน จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Honda เปิดเผยว่า เมื่อกดปุ่ม Eco ระบบจะเข้าไปทำงานร่วมกับลิ้นปีกผีเสื้อ โดยจะทำงานให้อยู่ในช่วง 10- 80 % ซึ่งเมื่อใช้คันเร่งน้อยลงก็ทำให้มีโอกาสที่จะประหยัดน้ำมันมากขึ้น
5.พวงมาลัยไฟฟ้า คิดไม่ถึงล่ะสิว่า วิศวกรยานยนต์เขาคิดอะไรมากกว่าที่คุณคิด และพวงมาลัยไฟฟ้า คือหนึ่งในเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันที่จะพบได้ ในหลากรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งดั้งเดิมเราจะใช้ระบบไฮโดรลิกในการควบคุมพวงมาลัย และมันทำงานอยู่ตลอดเวลา ทำให้กินกำลังเครื่องยนต์แต่พวงมาลัยไฟฟ้าจะทำงานเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น ทั้งยังทำให้ลดเรื่องน้ำหนักของระบบไฮโดรลิคลงไปได้จำนวนมาก อย่างเช่นในรถ Chevrolet Malibu ที่เปิดตัวไปแล้วที่ต่างประเทศ เชฟโรเล็ตอ้างว่า มันจะมีอัตราประหยัดกว่าเดิมถึง 2.5% จากการใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแบบใหม่
6.แปรผันความจุเครื่องยนต์ .. ยอดเทคโนโลยีแห่งยุค ที่คุณอาจจะไม่คิดว่ามันมีจริง อันที่จริงมันมาถึงเมืองไทยนานมากแล้ว แต่ไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงกันเท่าไรนัก กับระบบแปรผันความจุ หรือจะเรียกว่า "แปรผันการทำงานของลูกสูบ" ก็คงไม่ผิด ความจริงก็มีหลายเจ้าที่พัฒนาระบบนี้ แต่ในบ้านเรา Honda ดูจะเป็นผู้นำ ที่ใส่มาในรถ Honda Accord V6 ในชื่อ variable cylinder management (VCM) โดยจะจัดการสั่งการทำงานของลูกสูบให้เหมาะสมกับสภาพใช้งาน ซึ่งเวอร์ชั่นปัจจุบันมันสามารถเปลี่ยนการทำงานได้ 3 แบบ คือ ทำงานแบบ 6 สูบ 4 สูบ และ 3 สูบ โดยพิจารณาตามความเหมาะสมจากระบบคอมพิวเตอร์
7.เทอร์โบเพิ่มพลังประหยัดน้ำมัน ยังไม่เห็นเป็นที่ชัดเจนในไทย แต่ก็เริ่มมาแล้วสำหรับรถพลังแรงในแบบประหยัดน้ำมัน และในอนาคตจะต้องมีมากรุ่นกว่านี้อีก เทคนิคการเพิ่มเทอร์โบประหยัดน้ำมัน เป็นเรื่องที่อาจจะขัดแย้ง เมื่อเทอร์โบคือการเพิ่มสมรรถนะ แต่กลับกันมันก็กินน้ำมันมากกว่า นั่นอาจจะเป็นข้อเท็จจริงที่เลี่ยงไม่ได้ แต่วิศวกรยานยนต์ก็มีไอเดียดี ว่า ทำไมไม่เพิ่มกำลังให้เครื่องเล็กเพื่อที่จะทำงานได้เหมือนเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ แต่เครื่องเล็ก ทำอย่างไรมันก็ย่อมประหยัดกว่า และนั่นเป็นที่มาของแนวคิด โดยเฉพาะ การให้พลังแรงบิดมากขึ้นอาจช่วงให้ตอบสนองดีขึ้นด้วย ขณะนี้ในบ้านเรา ก็มี Proton Exora turbo มาประเดิม ด้วยกำลัง 138 แรงม้า แต่ความสามารถและการใช้งานของมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เลยทีเดียว
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ อาจจะพูดได้ว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของคำว่า เทคโนโลยีประหยัด ที่หลายคนอาจจะไม่รู้สึกว่ารถใหม่อาจจะมีดีกว่าที่คุณคิด แต่อย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ทุกวันนี้ราคาน้ำมันต่างแพงขึ้น และคงถึงเวลาที่เราต้องหันมาขบคิดเรื่องการทำตัวเองให้ประหยัดมาก ๆ
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ