อีโค่คาร์ VS. ไฮบริด จัดให้สักนิดตามกระแสประหยัด

อีโค่คาร์ VS. ไฮบริด จัดให้สักนิดตามกระแสประหยัด

อีโค่คาร์ VS. ไฮบริด จัดให้สักนิดตามกระแสประหยัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

                พุ่งได้พุ่งดีเหลือเกินสำหรับราคาน้ำมัน ที่แม้ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีการปรับตัวลดลงบ้างแล้ว แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า "ราคาน้ำมัน" ต่างที่จะคงราคาที่ไม่เท่าแต่ครั้นก่อนเมื่ออดีต และมันทำให้เกิดกระแสประหยัดขึ้นที่ค่ายรถยนต์เองก็ตอบด้วย 2 โจทย์เทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้เซฟเงินในประเป๋ามากขึ้น

                หนึ่งประหยัดพอเพียง และหนึ่งประหยัดสไตล์ไฮโซ คงจะเป็นคำที่เราพอจะเปรียบเปรยให้เห็นได้ถึง 2 เทคโนโลยีประหยัดตามแนวทางที่ค่ายรถยนต์แนะนำกับรถยนต์ "อีโค่คาร์"  ที่สร้างกระแสให้คนในประเทศหลายคนหันมาสนใจในขนาดและความน่าน่ารัก แต่ในขณะที่อีกด้านเทคโนโลยีขั้นสูงชั้นนำ "รถไฮบริด" แม้รัฐจะยังไม่สนับสนุนแต่ก็ให้ความประหยัดแบบล้ำโลก และอาจจะเรียกว่ามันคือก้าวต่อไปของโลกยานยนต์ ที่วันนี้เราจะมาเปรียบมวยกัน ในแบบคนอยากมีรถ

                เมื่อพูดถึงการขับขี่ในแบบการใช้งานจริงแล้ว แม้ราคาที่ถูกประกอบกับการลงตัวด้วยอัตราภาษีที่ได้คืนตาม"นโยบายรถคันแรก" ทำให้ หลายคนคิดอยากจะมีรถ "อีโค่คาร์" มาใช้งาน ด้วยการโฆษณาที่อิงตัวเลขประหยัด 20 ก.ม./ลิตร ทำให้หลายคนสนใจ ในการขับขี่ยอดประหยัดชั้นนำ

                ตัวเลขที่สูงลิ่วเมื่อเทียบกับรถยนต์อีกหลายรุ่นมันอาจจะทำให้น่าสนใจ แต่อันที่จริงแล้วก็ต้องแลกด้วย การทำเครื่องยนต์ให้มีพิกัดที่เล็กลง ด้วยตามกฏอีโค่คาร์ที่ภาครัฐบาลได้นำเสนอคือ เครื่องยนต์ในรถประเภทนี้ ต้องไม่เกิน 1300 ซีซีในกลุ่มขุมพลังเบนซิน และยังมีการเปิดช่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล แต่จำกัดพิกัดที่ 1400 ซีซี ที่ต้องผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 4 หรือปล่อยไอเสียไม่เกิน 120 กรัม/ ก.ม.  ที่ยังมีตัวเลขประหยัดระดับ 20 ก.ม./ลิตรค้ำคอ เช่นเดียวกับมาตรฐานความปลอดภัย

                สิ่งที่เราจะสังเกตได้คือ อีโค่คาร์คือรถที่ต้องปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัด ทำให้มันเป็นผลถึงการออกแบบโดยเฉพาะขนาดของตัวถังที่จะเล็กลงกว่าเดิม มีขนาดย่อมหรือเท่ากับซับคอมแพ็คคาร์ ทำให้ อาจะไม่ได้รับความสะดวกสบายมากนัก เมื่อเทียบกับรถขนาดซิตี้คาร์หรือใหญ่กว่านั้น หรือพูดง่ายๆ ว่า อีโค่คาร์เป็นการรย่อยขนาดตอบสนองในความประหยัดนั่นเอง

                กลับกันในฝั่งของรถไฮบริดเองเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน โดยใช้ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาพ่วงในการตอบสนองการขับขี่ โดยเฉพาะย่านความเร็วต่ำ พร้อมกับปรับเครื่องยนต์ให้ตอบสนองในการชาร์จไฟแบตเตอร์รี่ และยังสามารถทำงานร่วมกันได้ โดยปัจจจุบันแม้บ้านเราอาจจะคุ้นเคยกับรถไฮบริดของ  "โตโยต้า" แต่ก็มีค่ายรถยนต์อีกมากที่รถยนต์ในรูปแบบนี้  เช่น BMW, Honda และอื่นๆอีกมากมาย

                การทำงานที่เป็นไปในลักษณะส่งเสริมกันและแยกจากกันนั้น ทำให้มันมีความประหยัดมากขึ้น โดยการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองในรอบความเร็วต่ำ ลดการใช้น้ำมันในการสร้างกำลังจากเครื่องยนต์โดยตร งแต่ในขับขี่แล้วใช้งานจริงเครื่องยนตืก็ยังเข้ามามีบทบาทเช่นกันแต่น้อยลง โดยเฉพาะในความเร้วต่ำ ช่วยในการประหยัดน้ำมัน และทำให้ ตัวมันเองมีความประหยัดในระดับที่เทียบเท่าและหากขับดีๆอาจมากกว่าอีโค่คาร์ ด้วยซ้ำ โดยที่ไม่สูญเสียในเรื่องการตอบสนองความสะดวกสบาย และเช่นเดียวกันกับเรื่องของสมรรถนะที่ดีกว่า จากการทำงานที่สามารถร่วมกันได้ของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้มีกำลังแรงบิดเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากเดิม

              อย่างไรก็ดีข้อหนึ่งที่เราอาจจะต้องยอมรับคือว่าอีดค่คาร์มีค่าบำรุงรักษาที่น้อยกว่าและง่ายกว่า ด้วยมันไม่ผิดแปลกจากรถธรรมดามากมายอะไรนัก แต่กลับกันในรถไฮบริดอาจจะมีค่ารักษาที่แพงกว่า ซึ่งสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือระบบแบตเตอร์รี่ของมันที่อาจจะมีราคาไม่ถูกนัก แต่ก็มีอายุการใช้งานที่นานโดยในต่างประเทศมีการวิจัยพบว่ าแบตเตอร์รี่ไฮบริดจะมีอายุใช้งานราวๆ 470,000 ก.ม. ก่อนจะเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ซึ่งเมื่อมองตัวเลขดังกล่าวมันมีอายุการใช้งานเทียบเท่ากับอายุ 8-9 ปี ซึ่ง จากวันนี้ในอนาคตข้างหน้า เราอาจจะโอกาสใช้รถไฮบริดที่มีราคาถูกลงและหมายถึงราคาแบตเตอร์รี่ไฮบริดอาจจะไม่แพงก็ได้

            หากมองตามหลักการทำงานของเครื่องยนต์แล้ว จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 ต่างมีจุดประสงค์เดียวกันในเรื่องความประหยัด แต่กลับมีการใช้แนวทางในการสร้างตัวเลขและตอบสนองที่ต่างกัน ทว่าสิ่งที่สำคัญตามมานั้นคงไม่พ้นในเรื่องของความคุ้มค่าและเหมาะกับเงินในกระเป๋า ในลักษณะที่คุณใช้งาน            

เรื่องโดย Sanook! Auto

 

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ อีโค่คาร์ VS. ไฮบริด จัดให้สักนิดตามกระแสประหยัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook