ยกขบวนครอบครัวฮุนได เลาะเลียบชายฝั่งตะวันออก

ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ ประจำปี 2012 และแน่นอนว่าครั้งนี้ทีมงาน worldwheelsweb ก็ได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับครอบครัวฮุนไดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการรวมรถเกือบทุกรุ่นที่ฮุนไดมีจำหน่ายในตลาดเมืองไทยเพื่อร่วมเดินทางทดสอบภายใต้ชื่องาน "The Winner Fire Press Test Drive 2012"

สำหรับกิจกรรมการทดสอบครั้งนี้นับเป็นการรวมพลของรถยนต์จากแดนโสมทั้งครอบครัว พร้อมกับน้องใหม่ล่าสุดของค่ายอย่าง ฮุนได เอลันตร้าใหม่ ที่จะมาร่วมพิสูจน์ความร้อนแรงตามคอนเซ็ปต์ 'Put your senses on fire' หรือ 'ปลุกทุกสัมผัสให้ลุกเป็นไฟ' ที่กลับมาพร้อมกับรูปทรงสปอร์ตโฉบเฉี่ยว พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี 150 แรงม้า บนเส้นทางกรุงเทพ - จังหวัดตราด บนเส้นทางเลียบเลาะฝั่งทะเลตะวันออก กรุงเทพ-ตราด ระยะทางไปกลับกว่า 800 กิโลเมตร

  Hyundai Elantra

กิจกรรมทดสอบครั้งนี้มีรถในขบวนรวม 10 คัน โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ ฮุนได เอลันตร้าใหม่ 5 คัน ที่คอยให้สื่อมวลชนกว่า 40 ชีวิต หมุนเวียนกันสัมผัส ตลอดการเดินทาง 3 วัน 2คืน นอกจากนี้ยังมี ฮุนได ทูซอน เครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล เทอร์โบ 2 คัน และเครื่องยนต์เบนซิน 1 คัน และ ฮุนได เอชวันอีก 2 คัน

 ต้องยอมรับว่าในวันนี้ฮุนได มีคอนเซ็ปต์การออกแบบรถที่ชัดเจนและล้ำสมัย จนไม่มีใครปฎิเสธในเรื่องรูปลักษณ์ความสวยงามที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับในอดีต จากรถยนต์คอมแพ็คซีดานรุ่นแรกในยุค 90 ที่เน้นการออกแบบด้วยรูปทรงที่แข็งแกร่ง ให้พร้อมราคาประหยัดเป็นหลัก จนถึงยุค 2001 เป็นต้นมา การออกแบบความหรูหรา และคุณภาพ ก็ได้มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด

 จนมาถึงปัจจุบัน เอลันตร้าได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปี กับการเติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์แบบในเจนเนเรชั่นที่ 5 ภายใต้รหัสตัวถัง MD ได้ก้าวข้ามมาเป็นรถยนต์ยอดนิยมที่ทำยอดขายสูงมากโดยเฉพาะในฝั่งอเมริกาและยุโรป

  Hyundai Elantra

สำหรับการกลับมาของเอลันตร้าในเจนฯ5 ฮุนไดได้วางแนวคิดในการพัฒนารถ ภายใต้การออกแบบภายนอก จาก "Wind Crafted" design ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของทรายที่โดนลมพัด เป็นรูปทรงที่พริ้วไหว ซึ่งนั้นคือผลพวงที่ทำให้เกิดค่าทางอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม

 เมื่อลองดูหลักการออกแบบแล้ว ผู้เขียนจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเอลันตร้าใหม่ ถึงมีลายเส้นทั่วทั้งคันที่ค่อนข้างซับซ้อน สวยงามดูพลิ้วไหวเสียจริง และส่วนหนึ่งยังได้รับการสืบทอดเจตนารมย์มาจากรถยนต์รุ่นพี่อย่างโซนาต้า ที่ดูพลิ้วไหวคล้ายกัน

 สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ผู้เขียนเริ่มต้นกับหน้าที่การนั่งทดสอบ เอลันตร้าใหม่ รุ่นสูงสุด 1.8 GLS ในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง จึงขอเก็บรายละเอียดภายในตัวรถมาเล่าสู่กันฟังเสียก่อน โดยทุกรุ่นภายในจะใช้ผ้าลายสปอร์ตหุ้มเบาะโดยสารทุกที่นั่ง

  Hyundai Elantra

ภายในตกแต่งสไตล์สปอร์ต แผงคอนโซลด้านหน้าแบบ วาย-เชปต์ หน้าปัดเรืองแสงดีไซน์ใหม่ พร้อมจอข้อมูลบอกข้อมูลระยะทาง อัตราสิ้นเปลือง และคำนวณเชื้อเพลิง พวงมาลัย 4 ก้านแบบมัลติฟังค์ชั่น พร้อมช่องต่ออุปกรณ์พกพา

 พื้นที่ใช้สอยสะดวกสบาย และกว้างขวาง เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 ขณะที่ห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่สามารถเก็บถุงกอล์ฟได้ประมาณ 3 ใบด้วยความจุ 420 ลิตร ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ช่วงล่างด้านหลังแบบคานบิดกึ่งอิสระ ที่เรียกว่า ทอร์ชั่นบีม CTBA นั่นเอง ซึ่งเป็นช่วงล่างที่ได้รับความนิยมเพราะเรียบง่าย น้ำหนักเบา และมีชิ้นส่วนน้อย จึงทำให้พื้นที่ห้องโดยสาร และห้องเก็บสัมภาระมีพื้นที่มากขึ้น

 เหนืออื่นใดในรุ่นท็อป ยังอัดออฟชั่นอำนวยความสะดวก-ปลอดภัยมาเพียบ ทั้งเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อมระบบดันหลัง กุญแจรีโมทแบบสมาร์ท เอนทรี่ พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ รวมถึงล้ออัลลอยสปอร์ต 17 นิ้ว และยางขนาด 215/45 17 พร้อมระบบช่วยขึ้นทางลาดชัน HAC / ระบบรักษาเสถียรภาพ ESP และ ระบบ VSM เสริมการควบคุมพวงมาลัยให้ปลอดภัยมากขึ้น

  Hyundai Elantra

วันแรกผ่านพ้นไปกับการนั่งทดสอบด้วยระยะทาง กว่า 400 กิโลเมตร จนถึงจุดหมายปลายทางที่จังหวัดตราด แม้ตัวรถจะดูสปอร์ตปราดเปรียว ทั้งยังเลือกใช้ล้อขนาด 17 นิ้ว กับยางแก้มบาง อรรถรสที่ได้สัมผัสนั้นกลับไม่แข็งกระด้างอย่างที่คิดเอาไว้ กลับให้ความนุ่มนวลได้ดีเกินคาด

 วันรุ่งขึ้นผู้เขียนได้มีโอกาสรับหน้าที่เป็นผู้ขับบ้าง ซึ่งยังอยู่กับเอลันตร้ารุ่นท๊อปคันเดิม ภายใต้ฝากระโปรงเป็นที่ประจำการของเครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่ล่าสุด แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว 150 แรงม้า ซึ่งให้อัตราเร่งดีตามแบบฉบับของเครื่องยนต์เบนซิน 1,800 ซีซี ที่มีรอบเครื่องยนต์ให้เล่นสูง โดยมีแรงบิดสูง 18.14 กิโลกรัมเมตร จะเกิดขึ้นที่รอบเครื่องยนต์ 4,700 รอบต่อนาที ซึ่งจะมาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่แผดร้องอย่างดุดัน ซึ่งทำให้เกิดความมันส์อารมณ์ และสร้างความมั่นใจได้เป็นอย่างดี ในขณะกดคันเร่งทุกครั้ง

ส่วนระบบส่งกำลังในรุ่นท็อปนั้นเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมด +/- ที่คันเกียร์ เกียร์ลูกนี้ได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็กลง จากการลดชิ้นส่วนภายลงไปถึง 62 ชิ้น ซึ่งทำให้สามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 5 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับเกียร์ 5 จังหวะของฮุนไดรุ่นเก่า เมื่อกลไกของระบบเกียร์ถูกลดจำนวนลง ยังส่งผลให้สามารถลดความสูญเสียในระบบและดูแลรักษาได้ง่ายมากขึ้น ทั้งหมดส่งผลให้เกียร์ชุดนี้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นอีก 11 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้อัตราทดเกียร์แบบ 6 จังหวะ ยังมีข้อดีในการช่วยลดภาระของรอบเครื่องยนต์ โดยในขณะการเดินทางที่มีการใช้คันเร่งแบบนิ่งๆ ที่ความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในตำแหน่งเกียร์ 6 จะใช้รอบเครื่องยนต์ที่ประมาณ 2,200 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำทีเดียว โดยผลการวัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ ฮุนได เอลันตร้าใหม่ ทั้ง 5 คัน เฉลี่ยออกมาได้ที่ประมาณ 11 กิโลเมตร/ลิตร จากการขับเป็นขบวนโดยใช้ความเร็วพอสมควร หากเป็นการขับแบบปกติน่าจะมีตัวเลขการใช้น้ำมันที่ดีกว่านี้แน่นอนครับ

  Hyundai Elantra

ทั้งนี้ฮุนได เอลันตร้า ใหม่ จะมาพร้อมทางเลือก 3 รุ่นย่อย ทั้งนี้ราคาอาจจะสูงกว่าคู่แข่งสักเล็กน้อย เพราะเป็นการนำเข้าจากเกาหลีแบบทั้งคัน

1.8E เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ราคา 899,000 บาท

1.8S เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 1,088,000 บาท

1.8G เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 1,198,000 บาท

 

Hyundai Elantra

นอกจากกิจกรรมการทดสอบรถยนต์ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด และสื่อมวลชนที่เข้าร่วม ยังได้ร่วมกันสนับสนุนชุดอุปกรณ์กีฬาและอุปกรณ์การเรียน ให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดนบ้านท่ากุ่ม ซึ่งตั้งอยู่ ณ ตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้น้องๆนักเรียนได้ใช้อุปกรณ์การศึกษา และเล่นกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป